ทำไมต้องจุดประทัด

รู้หรือไม่?? ทำไมต้องจุดประทัด ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

“ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” ใกล้จะถึงเทศกาลตรุษจีนกันแล้วซึ่งในปี 2564 นี้ตรงกับวันที่ 10 – 12 กุมภาพันธ์ 256 ซึ่งเทศกาลตรุษจีนนี้เปรียบเหมือนวันปีใหม่ของพี่น้องชาวจีน เราจะเห็นว่าจะมีการตกแต่งด้วยโคมไฟสีแดง การตั้งโต๊ะไหว้ รวมถึงการจุดประทัด แล้วรู้หรือไม่ว่า? ทำไมต้องจุดประทัด ในวันตรุษจีน

จุดประทัด

ใช่แล้ว…วันนี้ Ruay จะพาไปที่มาของการจุดประทัดในวันตรุษจีน จนกลายเป็นประเพณีที่ต้องจุดประทัดในเช้าวันแรกของปีใหม่ก่อนออกจากบ้าน ตำนานที่เป็นต้นกำเนิดของความเชื่อในเรื่องการการจุดประทัดในวันตรุษจีน เรื่องราวของตำนานจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันได้เลย

ทำไมต้องจุดประทัด ในวันตรุษจีน

หลายคนคงไม่ทราบว่าทำไมชาวจีนถึงต้องจุดประทัดเสียงดังกันแต่เช้า ที่จริงแล้วมันมีที่มาจากตำนานเรื่องหนึ่งที่เรียกว่าตำนานปีศาจเหนียนนั่นเอง นานมาแล้วชาวจีนเชื่อว่ามีปีศาจทะเลตนหนึ่งที่นิสัยดุร้ายชื่อว่า “ปีศาจเหนียน” มันชอบออกมาทำร้ายชาวบ้านและจับวัวควายของชาวบ้านกินเป็นประจำ สวรรค์จึงลงโทษมันด้วยการสาปให้เป็นหิน แต่ทว่าทุกปี ปีละหนึ่งครั้งก่อนวันตรุษจีน เจ้าปีศาจตนนี้จะกลับมามีชีวิตและขึ้นมาออกอาละวาดอีกครั้ง ชาวบ้านจึงต้องหาทางปราบมัน

มีชายนิรนามคนหนึ่งอาสาปราบปีศาจเหนียนแต่ชาวบ้านก็ไม่คิดว่าชายผู้นี้จะทำได้สำเร็จ ทว่าเมื่อถึงวันนั้นชายผู้นี้ก็ได้ใส่เสื้อจีนสีแดง ถือโคมไฟสีแดง และมายืนเผชิญหน้ากับปีศาจเหนียนอย่างไม่หวาดกลัว เขาจุดประทัดสีแดงกำใหญ่และโยนใส่มัน จากนั้นจึงเกิดเสียงดัง ตู้ม ต้าม! เจ้าปีศาจเหนียนจึงวิ่งหนีหายไปจากหมู่บ้าน

ปีศาจเหนียน

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงกลายเป็นธรรมเนียมสืบทอดมารุ่นต่อรุ่น โดยทุกวันตรุษจีนชาวจีนทุกคนจะต้องแต่งกายด้วยชุดสีแดง แขวนโคมไฟสีแดงไว้ทั่วเมือง อีกทั้งยังต้องมีการจุดประทัดให้เสียงดังอีกด้วย เพราะเชื่อกันว่าเป็นการไล่สิ่งชั่วร้าย และขับไล่ปีศาจเหนียนให้ออกไปจากโลกมนุษย์นั่นเอง

อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งของตำนาน ก็มีคนกล่าวไว้ว่าชายปริศนาดังกล่าวคนนี้ แท้จริงแล้วก็คือ “เง็กเซียนฮ่องเต้” ที่แปลงกายมาเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยบอกจุดอ่อนของปีศาจให้มนุษย์ล่วงรู้ก่อนนั่นเอง และถึงแม้ว่าความจริงจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ แต่เราไปดูกิจกรรมในวันตรุษจีนกันต่อเลยว่าเขาทำอะไรกันบ้าง ปีนี้เราจะได้เอาไปทำที่บ้านกัน!

7 กิจกรรมมงคล ในวันตรุษจีน

ตั้งโต๊ะไหว้เจ้า
  • แขวนกลอนคู่ไว้หน้าบ้าน โดยป้ายนี้เรียกภาษาจีนว่า “ตุ้ยเหลียน” หรือ “ชุนเหลียน” เป็นการเขียนคำลงบนแผ่นกระดาษแดง 2 ใบที่ติดคู่กัน โดยมีคำมงคลข้างละ 8 คำ ที่หมายถึงการอวยพรคนในบ้านให้มีความสุขในช่วงปีใหม่จีนนั่นเอง
  • เริ่มมื้อเช้าด้วยอาหารเจ โดยชาวจีนเชื่อกันว่าการกินเจมื้อเช้าในช่วงปีใหม่จะทำให้ได้บุญมากขึ้น เพราะเปรียบเหมือนกับว่าเราได้กินเจไปแล้วตลอดทั้งปีต่อจากนี้ ซึ่งการกินเจก็คือการงดกินเนื้อสัตว์และถือศีลด้วยนั่นเอง
  • ตั้งโต๊ะไหว้เจ้าเพื่อสิริมงคล โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะแบ่งออกเป็น 3 วัน ได้แก่ “วันจ่าย” เป็นวันสำหรับซื้อของเตรียมไหว้เจ้า “วันไหว้” ก็คือวันไหว้เจ้าวันจริง โดยจะแบ่งเป็นสามช่วง ช่วงเช้าไหว้เจ้า ช่วงสายไหว้บรรพบุรุษ และช่วงบ่ายไหว้ผีไร้ญาตินั่นเอง และสุดท้ายก็คือ “วันเที่ยว” ซึ่งจะเป็นวันที่ครอบครัวจะได้อยู่ร่วมกัน อวยพรให้ของขวัญกัน นอกจากนั้นยังออกไปเที่ยวอีกด้วย
โคมแดง
  • ทำอาหารมงคลกินกัน โดยชาวจีนส่วนใหญ่จะนิยมกิน “เกี๊ยว” ที่หมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวย, “ปลา” หมายถึง การมั่งมีมีกินมีใช้, “บะหมี่” หมายถึง อายุยืนแข็งแรง นอกจากนั้นก็ยังมีกุ้ง ปู ผลไม้มงคลต่าง ๆ ด้วย เช่น ส้ม แอปเปิ้ล สาลี่ เป็นต้น
  • อวยพรให้ญาติผู้ใหญ่ โดยเด็กหรือคนที่อายุน้อยกว่าจะต้องนำผลไม้มาให้ผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นส้มที่หมายถึงความมั่งมีศรีสุข ทับทิม ที่เปรียบดังอัญมณี, องุ่น ที่เป็นผลไม้มงคล รวมทั้งเด็ก ๆ จะร่วมกล่าวคำอวยพรให้ปู่ย่าตายายสุขภาพร่างกายแข็งแรง
  • ให้อั่งเปากับลูกหลาน กิจกรรมนี้ถือเป็นไฮไลท์หลักของงานที่เด็กรอคอยเลยก็ว่าได้ โดยเป็นธรรมเนียมที่ว่า ผู้ใหญ่ที่มางานการทำแล้ว มีเงินเดือนแล้ว ก็ต้องนำเงินใส่ซองแดงมาให้กับเด็ก ๆ เพื่อให้เกิดความโชคดีตลอดปีกับผู้ให้ โดยมักจะให้เงินเป็นเลขคู่ เพื่อหมายถึงเงินที่เพิ่มพูนขึ้นสองเท่า ยิ่งให้ยิ่งได้นั่นเอง
  • เอาผลไม้มงคลใส่ไว้ใต้หมอน เป็นกิจกรรมสุดท้ายที่นิยมมากในจีน โดยเชื่อกันว่าถ้านำผลไม้ใส่ไว้ใต้หมอนตลอด 3 วัน ในช่วงวันตรุษจีนนี้ จะทำให้มีโชคลาภเงินทอง
อั่งเปา

สิ่งที่ห้ามทำในวันตรุษจีน

หลังจากที่ได้รู้กิจกรรมมงคลที่ควรทำแล้ว ต่อไปเราก็มาดูสิ่งต้องห้ามกันบ้าง ชาวจีนเชื่อว่าถ้าทำสิ่งเหล่านี้จะนำโชคร้ายมาให้ตลอดปีนะ

คนร้องไห้
  1. ไม่ควรกวาดบ้านในช่วง 3 วันตรุษจีน เพราะเป็นลางร้ายหมายถึงการกวาดสิ่งดี ๆ ออกไปนั่นเอง ถ้าจะให้ดีควรทำความสะอาดบ้านก่อนวันตรุษจีนแล้ว
  2. ห้ามซักผ้าหรือสระผมในช่วงตรุษจีน เพราะหมายถึงการชะล้างสิ่งดี ๆ ให้หายไป รวมทั้งยังเชื่อว่าเป็นการลบหลู่เทพเจ้าแห่งน้ำอีกด้วย
  3. ห้ามร้องไห้ในวันตรุษจีน เพราะเป็นลางไม่ดี หมายถึงทั้งปีจะมีแต่เรื่องโศกเศร้าและเรื่องทุกข์ใจ
  4. อย่างซื้อรองเท้าใหม่หรือให้เป็นของขวัญ เพราะรองเท้าในภาษาจีนออกเสียงเหมือนการถอนหายใจ ทำให้ชาวจีนเชื่อว่าจะนำเรื่องร้าย ๆ มาให้ หรือนำความซวยมาให้
  5. อย่าใส่เสื้อสีขาวดำเด็ดขาด เพราะสำหรับคนจีนสีขาวดำหมายถึงความตายหรือใช้สำหรับคนตาย อาจชักนำเรื่องร้ายหรือความสูญเสียเข้ามาในบ้านได้
  6. พยายามอย่าทำของแตก เนื่องจากของแตกเป็นนัยแห่งการแตกแยก แตกหัก ทำให้ครอบครัวไม่แน่นแฟ้นสามัคคี
  7. พยายามอย่าทะเลาะหรือพูดคำไม่ดี เพราะแน่นอนว่าเป็นสิ่งไม่ดีที่จะทำให้บ้านมีแต่ความร้าวฉาน ถ้าหากใครพูดไม่ดีผู้ใหญ่จะนำกระดาษชำระมาเช็ดปาก
  8. หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคม เช่น มีด กรรไกร หรือกรรไกรตัดเล็บ เพราะหมายถึงการตัดเงินทองหรือช่องทำมาค้าขายออกนั่นเอง
  9. ห้ามให้เงินผู้อื่นยืมในช่วงตรุษจีน เพราะอาจหมายถึงทั้งปีนั้นจะนำพาแต่ภาระ และหนี้สินเข้ามาให้กับเรา
  10. ห้ามเข้าไปนอนห้องคนอื่น เพราะจะนำเรื่องไม่เป็นมงคลมาให้ ทำให้ตลอดทั้งปีมีแต่เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น
คนทะเลาะกัน
ของขวัญที่ควรให้ตรุษจีน คือ

ของที่เชื่อว่าจะนำโชคดีสิริมงคลมาให้ โดย 9 ของขวัญวันตรุษจีน 2564 ได้แก่ ทองคำ หยก ต้นส้ม ปลาคาร์ฟ ของเล่นเด็ก ฯลฯ หรือจะให้ของขวัญที่เป็นสีแดงก็ได้เช่น เครื่องสำอางค์โทนสีแดง เครื่องใช้ไฟฟ้าสีแดง เป็นต้น

สถานที่ไหว้ตรุษจีนที่ควรไป คือ

สถานที่ที่ชาวไทยจีนนิยมไปไหว้กันทุหเทศกาลตรุษจีนหรือกินเจ เช่น ศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้านาจาซาไท้จื้อ วัดมังกรกมลาวาส ฯลฯ สามารถเข้าไปเช็กสถานที่อื่น ๆ ได้ที่ 9 สถานที่ไหว้พระวันตรุษจีน 2564

เทพที่ควรไหว้ตรุษจีนมีอะไรบ้าง?

เทพเจ้าจีน ที่ช่วยบันดาลโชคลาภให้ชาวจีนมีด้วยกันหลายองค์ เช่น ไท้​ส่วย​เอี๊ย ไฉ่ซิ้งเอี๊ย กิ้วอ้วงฮุกโจ้ว จี้กง ฯลฯ สามารถเข้าไปดูได้เลย โดยแต่ละองค์ก็มีวิธีการไหว้และลำดับการไหว้ที่แตกต่างกัน

สรุป

คงจะทราบกันแล้วว่า ทำไมต้องจุดประทัด ในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั่นก็เพราะว่าเป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้าย สิ่งที่ไม่ดีนั้นเอง และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ดังนั้น ประทัดยังเป็นสัญลักษณ์มงคลของวันตรุษจีน เพื่อบ่งบอกว่าฤดูใบไม้ผลิที่แสนอบอุ่นได้มาถึงแล้ว

อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายบอกถึงการเฉลิมฉลองเนื่องในเทศกาลแห่งความสุขความมงคลแต่ในปัจจุบันนี้ในไทยเราไม่ได้จุดประทัดแค่วันตรุษจีนอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังนำมาจุดเพื่อสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานคึกครึ้น รวมถึงการจุดเพื่อแก้บนอีกด้วย

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก pinterest

บทความแนะนำ

Facebook
Twitter
Email