“ขนมไทยมงคล” ถือเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทยมาเนิ่นนาน ดั้งเดิมขนมไทยจะมีส่วนผสมเพียงแค่ แป้ง น้ำตาล และกะทิเท่านั้น เพราะกะทิต้องเลือกชาวเกาะ แต่ถ้าอร่อยเหาะต้องเลือกเรา อะไม่เกี่ยว!
ส่วนขนมที่ใช้ไข่เป็นส่วนประกอบนั้น ได้รับอิทธิพลและถูกดัดแปลงมาจากประเทศโปรตุเกส ครั้นเมื่อชาวโปรตุเกสเข้ามาทำการค้าในประเทศไทย โดยในสมัยโบราณมักจะทำขนมกันเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เช่น งานบุญ งานแต่งงาน หรือการต้อนรับแขกคนสำคัญ
เนื่องจาก ขนมไทยมงคล บางชนิดต้องใช้กำลังคน รวมถึงเวลามากพอสมควร มีความประณีต ละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำ กว่าจะออกมาเป็นขนมไทยหนึ่งชิ้น ที่มีความงดงามวิจิตร รสชาติที่อร่อยได้
ทำให้ในปัจจุบันนี้ขนมไทยหลายชนิดกำลังถูกกาลเวลาค่อย ๆ กลืนหายไปจากคนไทยรุ่นใหม่ และในวันนี้ Ruay365 จะมาปลุก “ขนมไทย” ให้กลับมาเปล่งประกาย มีชีวิตชีวาอีกครั้ง กับคุณค่าที่แฝงไปด้วยชื่ออันไพเราะ ความหมายอันเป็นสิริมงคล ที่คนรุ่นใหม่อาจยังไม่เคยรู้กันมาก่อน นั่นก็คือ “ขนมไทยมงคล 9 อย่าง” และ “ขนมไทยเสริมราศี”
สารบัญ
Toggleขนมไทยมงคล 9 อย่าง นำมาซึ่งความดีงาม และความเจริญรุ่งเรือง
อย่างที่ได้กล่าวไปตอนต้นว่า “ขนมไทย” โบราณมักจะทำเฉพาะวาระสำคัญ ซึ่งวาระส่วนใหญ่ที่นิยมมากที่สุดคือ งานวิวาห์ หรืองานแต่ง นอกจากจะใช้ประกอบ เครื่องคาวหวาน ถวายพระ เลี้ยงแขกภายในงานแล้ว
ผู้หลักผู้ใหญ่ก็มักจะมอบของขวัญด้วย “ขนมไทยมงคล 9 อย่าง” ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่า เลข 9 พ้องเสียงกับคำว่า “ก้าว” ในภาษาไทย หมายถึง “ความเจริญงอกงาม” จึงมอบให้เพื่อแทนความหมายสิ่งดี ๆ เป็น “ของขวัญที่สื่อถึงมงคลชีวิต” แก่คู่บ่าวสาว โดย ขนมไทยมงคล ทั้ง 9 อย่าง มีดังต่อไปนี้
ขนมทองหยิบ
![Thongyib Thai Dessert](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/thongyib-thai-dessert.jpg)
ขนมไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ลักษณะคล้ายดอกไม้สีทอง ทำจากไข่แดงตีจนฟู แล้วนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมเดือด เมื่อสุกแล้วนำมาใส่ถ้วย จับจีบอย่างประณีตให้เหมือนกลีบดอกไม้
สื่อความหมายถึงการได้ “หยิบ” ความร่ำรวย หยิบเงินหยิบทอง ทำการงานสิ่งใดก็จะร่ำรวยมีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ ที่ย่อมเป็นสิ่งที่คู่รักข้าวใหม่ปลามันทั้งหลายปรารถนา เพื่อการันตีว่าตลอดชีวิตคู่จะมีแต่ความมั่งคั่งร่ำรวย
ขนมทองหยอด
![Thongyod Thai Dessert](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/thongyod-thai-dessert.jpg)
ขนมไทยที่มีลักษณะคล้ายหยดน้ำ ทำจากไข่แดงสีเหลือง แล้วนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมเดือดเช่นเดียวกันกับขนมทองหยิบสื่อความหมายถึงการ “หยอด” หยอดเงินหยอดทอง ให้ร่ำรวยมีเงินมีทองใช้อย่างไม่รู้หมดสิ้น คล้ายกับเป็นการให้ทองคำแก่กัน
ขนมฝอยทอง
![Foythong Thai Desset](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/foythong-thai-desset.png)
ขนมไทยที่ทำจากไข่แดงสีเหลือง มีลักษณะเป็นเส้นยาว ๆ วางแบบทบกันเป็นแพ ซึ่งขั้นตอนการทำจะต้องทำเป็นเส้นยาว ๆ เพื่อสื่อความหมายถึงการครองรักครองเรือนที่ยาวนาน สื่อถือความห่วงใยแสนพิเศษ หรือการอวยพรให้มีชีวิตที่ยืนยาวเหมือนเส้นของฝอยทองแต่ละเกลียวที่ยาวไม่มีที่สิ้นสุด
ขนมเม็ดขนุน
![Medkanoon Thai Dessert](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/medkanoon-thai-dessert.jpg)
ขนมที่ได้รับอิทธิพลมาจากเม็ดของขนุน แต่ไม่มีส่วนผสมของขนุน ทำมาจากไข่แดงที่ให้สีเหลืองทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุน สอดไส้ด้านในด้วยถั่วเขียวบดละเอียด รสหวานมัน
เชื่อกันว่า คำว่า “หนุน” ในชื่อของขนมชนิดนี้ หมายถึง การหนุนนำซึ่งกันและกัน มีคนคอยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของชีวิตคู่ การดำเนินชีวิต หน้าที่การงาน หรือกิจการต่าง ๆ คล้ายกับเป็นการให้สร้างรากฐานชีวิตคู่ที่แข็งแรง
ขนมทองเอก
![Thongaek Thai Dessert](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/thongaek-thai-dessert.jpg)
ขนมชนิดนี้มีเอกลักษณ์ด้วยการตกแต่งติดทองคำเปลวด้านบนของขนม ถือเป็นราชินีแห่งมวลขนมไทยมงคลตระกูลทองชนิดอื่น ๆ
คำว่า “เอก” แสดงถึง การรักเดียวใจเดียว หรือความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน การได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง และความสำเร็จใจการเจรจาธุรกิจต่าง ๆ
ขนมดาราทอง หรือ ขนมจ่ามงกุฏ
![Jarmongkot Thai Dessert 1](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/jarmongkot-thai-dessert-1.jpeg)
ขนมไทยที่มีขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน เป็นขนมมงคลที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน มีส่วนผสมของไข่ เมล็ดแตงโม รวมถึงแผ่นทองคำเปลวที่นำมาประดับตกแต่ง คล้ายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เป็นรูปดาว มีความคล้ายคลึงกับมงกุฏของชาวตะวันตก
ทำให้รู้จักกันในอีกนาม คือ ขนมจ่ามงกุฏ หมายถึง ความสง่างาม มีสถานะอันสูงส่ง และความเจริญก้าวหน้า จนไปถึงการมีชื่อเสียง
ขนมถ้วยฟู
![Tuayfu Thai Dessert](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/tuayfu-thai-dessert.jpg)
ขนมที่มีเนื้อนุ่มฟู สีสันสดใส และกลิ่นหอมอบร่ำของดอกไม้สดอันเป็นเอกลักษณ์ สื่อความหมายถึง ความฟูฟ่อง หรือการเจริญเติบโต รุ่งเรืองเฟื่องฟู และความงอกงาม
ขนมชั้น
![Kanomchan Thai Dessert](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/kanomchan-thai-dessert.jpg)
อยากให้เธอมีพุง เธอจะได้มีแต่ชั้น ชั้นนี่ไม่ได้หมายถึงใครนะ แต่หมายถึงขนมชั้นที่จะต้องหยอดเนื้อขนมให้ได้ 9 ชั้น ประกอบไปด้วยแป้งเหนียว ๆ ที่ประกบติดกันถึงเก้าชั้น
โดยเลข 9 สื่อถึงความเป็นเลขมงคล ความก้าวหน้าในชีวิตการแต่งงานของคู่บ่าวสาว ชั้นของขนมก็เปรียบเสมือนตำแหน่งชั้นยศที่สูงขึ้น
ขนมเสน่ห์จันทน์
![Sanaejan Thai Dessert](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/sanaejan-thai-dessert.jpg)
ขนมไทยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลูกจันทน์ ของต้นจันทน์ ที่เป็นผลไม้ขนาดเล็กสีเหลือง การทำขนมชนิดนี้จะทำจากไข่แดงและแป้งผสานเข้ากับลูกจันทน์ ปั้นให้เป็นลูกกลม ๆ ใส่ผลจันทร์ป่น เพื่อให้มีกลิ่นหอมเหมือนผลลูกจันทร์แท้ ๆ
คำว่า “เสน่ห์” คนโบราณเชื่อว่าคำที่มีสิริมงคล สื่อความหมายว่าทั้งคู่บ่าวสาวจะกลายเป็นที่รักของทั้งสมาชิกในครอบครัว และมิตรสหายของอีกฝ่ายตราบนานเท่านาน
ขนมไทยเสริมราศี กินแล้วรวย
นอกจากขนมไทยมงคล 9 อย่างที่ได้กล่าวไป ยังมีขนมไทยอีกมากมายหลายชนิดที่สวยงาม รสชาติดี แต่ยังไม่ได้ถูกเอ่ยถึง
![Eating Thai Dessert](https://www.ruay365.com/wp-content/uploads/2020/09/eating-thai-dessert.jpg)
ซึ่งทุกคนรู้ไหมว่าขนมไทยแสนอร่อยที่เรากินกันนั้น ช่วยเสริมราศีเกิด เพื่อสร้างความเป็นมสิริมงคลแก่ชีวิตได้ด้วย ไปดูกันว่าแต่ละราศี ควรรับประทานขนมชนิดไหนบ้าง
ราศีมังกร (14 ม.ค – 13 ก.พ)
ธาตุดิน มีลักษณะเป็นคนจริงจังกับชีวิต ชนิดที่เรียกได้ว่าเข้มงวดเกินไป จึงเหมาะแก่ขนมสวยหลากสี เช่น ขนมชั้น ลูกชุบ คล้ายกับการชุบชีวิตใหม่ สร้างสรรค์ความตื่นเต้น ทำชีวิตให้แปลกใหม่ ช่วยเสริมสง่าราศีให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ราศีกุมภ์ (14 ก.พ – 13 มี.ค)
ธาตุลม ชอบความเป็นอิสระ รักพวกพ้อง แต่เอาใจยาก ไม่ค่อยชอบอะไรง่าย ๆ ขนมไทยที่เหมาะกับชาวราศีนี้ คือ ฝอยทอง ช่วยเสริมดวงชะตาความเป็นสิริมงคลได้ เพราะเป็นขนมที่ถึงแม้จะดูเหมือนเรียบง่าย แต่ต้องใช้ความประณีตใส่ใจพอสมควร คล้ายกับลักษณะนิสัยของชาวราศีกุมภ์
ราศีมีน (14 มี.ค – 13 เม.ย)
ธาตุไฟ แต่เป็นไฟ ที่ไม่ค่อยใจร้อนเท่าไหร่ มีความอ่อนไหว ช่างฝัน รักการเดินทาง เหมาะกับขนมพื้นบ้านที่เรามักจะเห็นขายเวลาเดินทางตามต่างจังหวัด หรือร้านขายของฝาก เช่น ข้าวเม่า ข้าวตอก ข้าวตัง เล็บมือนาง เป็นต้น ช่วยเสริมให้โชคดีมีชัย ปลอดภัยทุกการเดินทาง
ราศีเมษ (14 เม.ย – 13 พ.ค)
ธาตุไฟ มีนิสัยใจร้อน หงุดหงิดง่าย แต่มีเสน่ห์ ควรลดอารมณ์ด้วยร้อนด้วยขนมเย็น ๆ เช่น ขนมลอดช่อง กระท้อนลอยแก้ว ก็จะสามารถช่วยทำให้ร้อนกลายเป็นเย็นขึ้น เพิ่มความมีชีวิตชีวา สิ่งที่ติดขัดหรือมีปัญหาจะผ่านพ้นไปด้วยดี และไม่พังเพราะอารมณ์
ราศีพฤษภ (14 พ.ค – 13 มิ.ย)
ธาตุดิน คนเกิดราศีนี้ส่วนใหญ่มักมีความหนักแน่น มั่นคง และอดทนสูง แต่มักเฉื่อยชาทำอะไรแบบค่อยเป็นค่อยไป ขนมที่ช่วยเสริมราศี เช่น ตะโก้ ขนมชั้น ขนมเปียกปูน ขนมหม้อแกง ขนมถ้วย
เพราะกว่าขนมที่กล่าวไปเสร็จแต่ละชนิด ค่อนข้างนาน ต้องทำทีละชั้นสองชั้น คล้ายกับคนราศีนี้ แต่ความใจเย็นก็จะส่งผลให้ทุกอย่างออกมาดี และประสบผลสำเร็จ
ราศีเมถุน (14 มิ.ย – 13 ก.ค)
ธาตุลม สดใส ปรับตัวเก่ง แต่เอาแน่เอานอนยาก ค่อนข้างโลเลเหมือนสายลม เหมาะกับขนมที่หายาก เช่น ขนมหน้านวล ขนมกระจัง หรือขนมตามประเพณีต่างๆ เพราะจะผันเปลี่ยนความสดใด ให้กลายเป็นสร้างเสน่ห์ให้เป็นที่รัก เมตตาของผู้อื่น
ราศีกรกฎ (14 ก.ค – 13 ส.ค)
ธาตุน้ำ ใจเย็นและใจดี มีความนุ่มนวล เป็นสัญลักษณ์ของความละเอียดอ่อน แต่แปรปรวนง่าย สามารถสร้างความมีสีสันในชีวิตด้วยขนมรสชาติหวานมัน นุ่มละมุนลิ้น เช่น ข้าวเหนียวสังขยา สังขยาฟักทอง ขนมประเภทแกงบวช จะช่วยเสริมดวงชะตาให้มีสง่าราศี ให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างเรียบง่าย คล้ายกับขนมที่ละลาายในปาก
ราศีสิงห์ (14 ส.ค – 13 ก.ย)
ธาตุไฟ เป็นผู้นำ มีอำนาจ และรักสนุก เหมาะกับยขนมที่มีชื่อเป็นสิริมงคล ขนมที่มีสีมงคล แดง สีส้ม และ สีทอง เช่น ทองหยอด ฝอยทอง จ่ามงกุฎ ข้าวเหนียวแดง เพราะแสดงถึงพลังอำนาจบารมี ที่จะช่วยเสริมความสง่าราศีได้เป็นอย่างดี
ราศีกันย์ (14 ก.ย – 13 ต.ค)
ธาตุดิน ค่อนข้างใจเย็น มีเหตุผล มองโลกในแง่ดี ขนมที่คู่บารมีกับชาวกันย์ต้องมีสีขาวหรือสีนวล มีลักษณะละหม้ายคล้ายความอ่อนโยนของผู้หญิงตามสัญลักษณ์ของราศี เช่น ขนมหน้านวล หรือ วุ้นกะทิ จะช่วยเสริมให้คนรอบข้างรักใคร่มากขึ้น
ราศีตุลย์ (14 ต.ค – 13 พ.ย)
ธาตุลม รักสงบ รักสันติภาพ ไม่ค่อยยินดียินร้ายกับอะไรทั้งสิ้น เหมาะกับขนม เช่น ขนมช่อม่วง วุ้นกรอบ ข้าวเม่า เพราะจะช่วยผลักดันให้มีความกะตือรือร้นมากขึ้น เสริมบารมีกับหน้าที่การงานให้ดูมีสีสันสดใส ตามสีของขนม
ราศีพิจิก (14 พ.ย – 13 ธ.ค)
ธาตุน้ำ กล้าหาญ และเด็ดเดี่ยว มีความเชื่อมั่น เป็นตัวของตัวเองสูง และเข้ากับคนง่าย ปรับตัวเก่ง เหมาะกับขนมผสมกะทิ ที่ไม่ว่ากะทิไปเป็นส่วนผสมของขนมชนิดใด ก็ดูเข้าท่าหวานมันกลมกล่อมไปหมด เช่น แกงบวช ครองแครง ปลากริมไข่เต่า บัวลอย ก็จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคล และเสริมความร่ำรวยได้
ราศีธนู (14 ธ.ค – 13 ม.ค)
ธาตุไฟ มีความปราดเปรื่อง วิสัยทัศน์ไกล ขนมที่คู่บารมีและบ่งบอกความเป็นชาวราศีธนูได้ คือ ขนมที่มีชื่อเป็นมงคล เช่น ขนมทองเอก โพรงแสม รังนก จะเสริมให้เจริญก้าวหน้า เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง
สรุป
ขนมไทย ทุกอย่าง คือ เอกลักษณ์ของความเป็นไทย นอกจากจะมีความงดงาม พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำแล้ว ยังมีรสชาติที่อร่อย หอมกลิ่นพืชพรรณจากธรรมชาติ และกลิ่นอบร่ำควันเทียน อีกทั้ง ขนมไทยมงคล แต่ละชนิดยังมีชื่อเรียกที่บ่งบอกถึงคุณค่า และแฝงไปด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล ที่นับว่าสามารถมอบให้เป็นของขวัญพิเศษให้แก่กันในวาระสำคัญได้
รวมถึงเป็นอีกทางเลือกให้แก่ผู้ที่เชื่อเรื่องดวง เรื่องราศี ที่นอกจากจะได้ความอร่อยจากรสชาติของขนมแล้ว ยังได้ความรู้ ความสบายใจกลับไปเต็มอิ่มกันอีกด้วย คอหวยทั้งหลายก็สามารถเอาขนมไทยมงคลเหล่านี้ ไปไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูก็ได้นะ เพราะถือว่าเป็นมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่ท่านได้ด้วย
เห็นงี้แล้วก็อยากกินให้หมดทุกชนิด ไม่รู้จะเป็นคนหวานหรือเบาหวานก่อนดี ฮ่า ๆ เอาเป็นว่าสุดท้ายนี้ ขอฝากให้เด็กรุ่นใหม่ ไม่ลืมที่จะสืบทอดและคงความเป็นขนมไทยอันทรงคุณค่าเหล่านี้ต่อไป รวมถึงดูแลสุขภาพกันด้วย อย่ากินของหวานเยอะเกินไปล่ะ รวยสุขภาพ รวยเงินรวยทองกันทุกคนจ้า