สัตว์อาถรรพ์

เล่าสู่กันฟัง 8 สัตว์อาถรรพ์ ตามคติความเชื่อโบราณ

มนุษย์เราในสมัยโบราณให้ความเคารพนับถือในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ด้วยความเชื่อว่าเป็นพลังอำนาจจากสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น ซึ่งรวมถึงพฤติกรรมบางอย่างของสัตว์หลาย ๆ ชนิด ที่มนุษย์เชื่อว่า สัตว์อาถรรพ์ เหล่านี้มีอำนาจลี้ลับซ่อนเอาไว้ และส่งผลให้พวกมันมีความหมายทางวัฒนธรรม ความเชื่อ และศาสนา ในขณะเดียวกันความเชื่อเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลกับมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่กลับไปกระทบถึงชีวิตของพวกมันด้วย

จึงเกิดเป็นคำถามที่ว่ามันเป็น ความเชื่อของคน หรือ ความซวยของสัตว์ กันแน่? ดังนั้นในบทความนี้ Ruay365 จะขอนำมาเล่าสู่กันฟังกับ 8 สัตว์อาถรรพ์ ที่เชื่อว่าเป็นลางร้าย และอาจกลายเป็นเครื่องนำโชคในอีกวัฒนธรรม เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร มาติดตามกัน

8 สัตว์อาถรรพ์ ตามคติความเชื่อโบราณ

สังเกตได้จากตามข่าวหวยดังต่าง ๆ ของไทยเรานั้น เมื่อเจอสัตว์แปลก สัตว์เผือก หรือสัตว์เข้าบ้าน มักจะตีความกันไปตามความเชื่อว่าเป็นช่องทางของการนำไปสู่โชคลาภหรือลางไม่ดี และหลาย ๆ ความเชื่อก็มักจะเป็นจริงเสียด้วย ดังในข่าวที่เราเห็นกันเป็นประจำ เช่น งูเข้าบ้านไหนบ้านนั้นมักจะได้รับโชค และถูกหวยกับบ้านเลขที่ เป็นต้น 

ซึ่งความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้ ไม่ใช่จะมีแต่เฉพาะแค่ในประเทศไทยเราเท่านั้น โดยเฉพาะความเชื่อเกี่ยวกับ “สัตว์อาถรรพ์” แต่ละประเทศก็จะมีความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป Ruay จึงจะมาให้ข้อมูลเป็นเกร็ดความรู้ ว่าแต่ละชนิดมีที่มาที่ไปของความเชื่อต่าง ๆ ที่สามารถอธิบายได้ ดังนี้

นกฮูก นกแสก

นกแสก

“นกฮูก” จัดอยู่ในวงศ์ตระกูลเดียวกับนกเค้าแมว ซึ่งออกหากินในเวลากลางคืน ที่เรียกว่านกฮูก เข้าใจว่าเรียกตามสำเนียงที่มันร้องว่า คุก ๆ ฮูก เสียงของนกฮูกนั้นฟังแล้วโหยหวนชวนให้กลัวผี ส่วน “นกแสก” จัดเป็นนกอยู่ในตระกูลเดียวกับนกฮูก ออกหากินในเวลากลางคืนเช่นเดียวกัน แต่ทั้ง 2 ชนิด มีลักษณะรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน แตกต่างกันตรงที่นกแสก จะมีลักษณะเด่นคือใบหน้ารูปหัวใจสีขาว มองดูคล้ายหน้าลิง

การที่ นกฮูก และ นกแสก เป็นสัตว์หากินกลางคืนและรูปลักษณ์ประหลาดตาของมัน คนไทยโบราณจึงมีความเชื่อเป็น “นกผี” หรือ “สัญลักษณ์แห่งความตาย” เนื่องด้วยชอบอาศัยอยู่ตามบ้านร้างอันเป็นเสมือนที่ซ่อนตัวของภูตผี มีเสียงหวีดแหลมน่ากลัวและมีขนท้องเป็นสีขาว ยามบินในเวลากลางคืนจึงมองเห็นเป็นสีขาวโพลนคล้ายผีปีศาจลอยล่องอยู่ในความมืด รวมไปถึงลักษณะของพฤติกรรม และดวงตาสีดำของมัน เมื่อต้องแสงไฟยามกลางคืนจะเห็นเป็นสีแดงดูลึกลับ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีความเชื่อนกแสกแบบนี้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน 

แต่ตามตำนานเทพเจ้าของกรีก “นกฮูก” มีเกี่ยวข้องกับเทพีอเธนา (เทพีแห่งนก) ซึ่งมักจะปรากฏกายมาในรูปแบบของนกฮูก และเทพีอเธนายังเป็นเทพีแห่ง ศิลปะ และทักษะด้วย  นกฮูกจึงเป็นสัญลักษณ์ของการสอน และสถาบันการศึกษา มีเพลงกล่อมเด็กภาษาอังกฤษเกี่ยวกับความฉลาดของนกฮูก และญี่ปุ่นถือว่านกฮูกเป็นสัตว์นำโชค  เพราะคำว่า “ฟุคูโร่” ที่แปลว่านกฮูก พ้องเสียงกับความหมายว่าไร้อุปสรรค คนญี่ปุ่นจึงนิยมมอบของที่เป็นลวดลายนกฮูกให้กัน

แมวดำ

แมวดำสัตว์อาถรรพ์

ความเชื่อเรื่องแมวดำ ในอเมริกาและหลายประเทศในยุโรปถือว่าถ้าเดินตอนกลางคืนแล้วเจอแมวดำตัดหน้า ความซวยจะมาเยือน เช่นเดียวกับความเชื่อของคนไทยโบราณ ที่เชื่อกันว่า แมวดำเป็นสัตว์ผี ดั่งลางร้ายบอกเหตุ ทั้งนี้เป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดูอยู่มาก ทำให้ความเชื่อแมวดำเรื่องนี้ถูกถ่ายทอดมาเป็นความเชื่อของไทยในสมัยโบราณ

แต่ด้วยความน่ารักของแมวดำที่กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของเราในปัจจุบัน ส่งผลทำให้ความเชื่อแมวดำกลายเป็นความเชื่อที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป ซึ่งแตกต่างกับที่ประเทศญี่ปุ่น ที่พวกเขากลับเชื่อกันว่า แมวดำเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี สาวๆ ที่เลี้ยงแมวดำจะดึงดูดเนื้อคู่ให้เข้ามาหา 

ส่วนฝั่งอังกฤษก็นิยมมอบแมวดำให้เจ้าสาวในวันแต่งงาน เพื่อนำโชคดีมาสู่ชีวิตคู่ การนำแมวดำเข้าเรือนหอจะช่วยให้มีชีวิตที่ยาวนานเป็นสุข และแมวดำก็จะช่วยขับไล่วิญญาณชั่วร้ายออกไปด้วย

แมวพันธุ์ไหนเป็นแมวมงคล?

นอกจากแมวดำจะเป็นสัตว์อาถรรพ์ของไทยแล้ว อันที่จริงในประเทศไทยยังมีความเชื่อเรื่องแมวสายพันธุ์อื่น ๆ ที่อาจนำโชคลาภมาให้ได้อีกด้วย โดยมีแมวทั้งหมด 17 สายพันธุ์ที่ปรากฏในตำราดูแมว เช่น แมวไทยวิลาส, แมวนิลจักร, แมวเก้าแต้ม แมวแซมเสวตร, แมววิเชียรมาศ ฯลฯ

สัตว์มงคลมีอะไรบ้าง?

ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ สัตว์มงคล นั้นมีด้วยกันหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมประดับรูปปั้นสัตว์มงคลต่างๆ ไว้ที่บ้าน ได้แก่ มังกร ม้า เสือ สิงโต ปลา นก ฯลฯ โดยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือมังกร ที่หมายถึงความร่ำรวยมั่งคั่งและโชคลาภนั่นเอง

สัตว์ที่ให้โชคตอนผสมพันธุ์มีอะไรบ้าง?

สัตว์ผสมพันธุ์ให้โชค ตามความเชื่อของชาวไทยเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่เห็นพวกมันผสมพันธุ์กันมักจะมาให้โชคลาภ เช่น งูผสมพันธุ์กัน จิ้งจกผสมพันธุ์กัน ช้างผสมพันธุ์กัน ฯลฯ นอกจากนั้นก็ยังมีสัตว์อีกหลายชนิด ถ้าเราบังเอิญไปเห็นจำต้องนำเลขที่เกี่ยวข้องไปซื้อลอตเตอรี่

แมงมุม

แมงมุมตัวลาย

เรื่องนี้เชื่อว่าชาว Ruay หลายท่านไม่เคยได้ยิน เรื่องแมงมุมตีอกบอกลางร้าย ถ้าได้ยินเสียงแมงมุมตีอก “ผึงๆ” ผิดสังเกต จะถือว่าเป็นลางร้าย หากใครที่กำลังจะเดินทางควรต้องละเว้นหรือยกเลิกเด็กขาดเพราะอันตรายหรือหายนะถึงชีวิตจะมาเยือน 

นอกจากนี้โบราณได้แยกแยะผลของแมงมุมตีอกตามที่ต่าง ๆ ในบ้านไว้ด้วย เช่น แมงมุมตีอกในเรือนจะเกิดวิวาทพลัดพรากกัน ถ้าตีอกใต้ที่นอนจะตายหรือบาดเจ็บสาหัส หากตีข้างฝารอบ ๆ จะต้องระวังการเดินทางไกลอาจมีอุบัติเหตุ ส่วนถ้าตีอยู่ที่หัวนอนจะมีสิ่งชั่วร้ายมาทำให้โกรธเคือง 

ส่วนในประเทศอื่น ๆ ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับ สัตว์อาถรรพ์ อย่างแมงมุมนี้ที่ค่อนข้างแตกต่างกันไป โดยในยุโรปถือว่าถ้าเห็นแมงมุมตอนเช้าเป็นสัญลักษณ์ความเศร้า แต่ถ้าพบตอนบ่ายหมายถึงจะได้ของขวัญ แต่จะเห็นแมงมุมตอนไหนก็ห้ามฆ่าแมงมุมที่อยู่ในบ้าน  เพราะแมงมุมจะปกป้องบ้านและครอบครัว นำโชคลาภความสุขมาให้ และในประเทศจีน เชื่อว่าแมงมุมที่ทอใยโรยตัวลงมาจากเพดานแปลว่าคุณกำลังจะได้เงิน

ค้างคาว

ค้างคาวบิน

สำหรับเราคนไทยจะไม่ค่อยได้พูดถึงความเชื่อเกี่ยวกับค้างคาวเท่าไหร่นัก แต่จะคุ้นหน้าคุ้นตากับค้างคาวจากเรื่องของ “แดรคคูล่า” ที่มีค้างคาวดูดเลือดเป็นสมุนของแวมไพร์ และเนื่องด้วยค้างคาวแวมไพร์จะกัดเหยื่อด้วยฟันที่คมเหมือนมีดโกนระหว่างที่เหยื่อนอนหลับ แล้วเลียกินเลือดเหมือนแมวเลียนม ค้างคาวในหลาย ๆ ประเทศจึงจดจำว่ามีภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก

แต่แตกต่างกับคนจีนและคนญี่ปุ่นที่เชื่อว่า ค้างคาวเป็นสัตว์นำโชค โดยสำหรับคนญี่ปุ่นถ้ามีถึงห้าตัวคือความสำเร็จ อายุยืน สุขภาพดี มีเงินและชีวิตคู่สมบูรณ์ ในปัจจุบันจึงนิยมสลักรูปค้างคาวลงบนเครื่องเรือน

ส่วนคนจีน เนื่องจากคำว่า “ค้างคาว” ในภาษาจีนนั้นจะพ้องเสียงกับคำที่มีความหมายว่า “โชคดี” ชาวจีนจึงมักมีการทำเครื่องรางหรือสร้อยคอเป็นรูปค้างคาว ใช้เพื่อเป็นเครื่องรางในการป้องกันโชคร้ายรวมถึงเป็นการเปิดรับสิ่งดี ๆ รวมถึงโชคดีให้แก่ชีวิต

กระต่าย

กระต่ายสีขาว

ในความเชื่อของเอเชียรวมถึงไทยเรา กระต่ายมักเป็นสัญลักษณ์ แห่งความรักอันสมบูรณ์มั่นคง เพราะตามปกติแล้ว กระต่ายเป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์เร็ว เรียกว่าลูกดก ออกลูกออกหลานเป็นว่าเล่น ทำให้มีผู้นิยมมอบกระต่าย หรือวาดภาพกระต่ายแก่หนุ่มสาว หรือบ่าวสาว เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่สมบูรณ์ หรือหากแต่งงานกันแล้ว ก็หมายถึงการที่จะได้มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองอย่างเจ้ากระต่าย

แต่ในทางกลับกันสัตว์อันแสนน่ารักขนปุกปุยนี้ในอังกฤษกลับเชื่อว่า กระต่ายคือแม่มดหรือวิญญาณชั่วร้าย ถ้าคุณเห็นกระต่ายวิ่งตัดหน้า โชคร้ายจะตามมา กระต่ายที่วิ่งไปตามถนนหมายถึงไฟจะไหม้บ้านใกล้ ๆ  และมีข้อห้ามยิงกระต่ายดำเพราะจะทำให้เคราะห์ร้าย รวมถึงถ้ากระต่ายขาวอยู่ข้างเรือ จะเป็นลางร้ายอย่างแรงมากขนาดที่กัปตันเลื่อนหรือยกเลิกการเดินเรือเลยทีเดียว

งู

งูดำ

ไม่พูดถึงคงเป็นไปไม่ได้กับ สัตว์อาถรรพ์ ชนิดนี้ เพราะ งู เป็นสัตว์ที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อและเรื่องลี้ลับมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะไทยเราการมีงูเลื้อยเข้าบ้านนั้น ถือได้ว่าเป็น ลางไม่ดีนัก มีความเชื่อกันว่า คนที่อยู่ในบ้านจะมีการเจ็บป่วยได้ไข้ หรืออาจจะต้องถึงขั้นเสียชีวิตได้ในไม่ช้า ยิ่งถ้าหากได้ทำการฆ่างูตัวนั้นด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้เกิดเคราะห์หนักมากขึ้นไปอีก

นอกจากนี้บรรดาคอหวยส่วนใหญ่ มักจะเอาเลขที่บ้านที่ ที่งูนั้นเลื้อยเข้าบ้าน มาเป็น เลขนำโชค ไปซื้อลอตเตอรี่กัน ซึ่งส่วนมากก็มักถูกรางวัลกันอีกด้วย ผู้คนก็เลยพากันเชื่อว่าโชคลาภต่าง ๆ ที่ได้มา เป็นเพราะงูเข้าบ้านนั่นเอง

แม้ งูจะเป็นสัตว์ที่มีพิษร้าย แต่ตามความเชื่อของหลายประเทศ กลับยกให้งูเป็นตัวแทนของโชคดี และความศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยกรีกโบราณ งูถือเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจลี้ลับ สติปัญญา และความสมบูรณ์ ส่วนชาวจีนมองว่า “งู” เป็นอสรพิษร้าย พอ ๆ กับที่เป็น สัญลักษณ์มงคล

อาย-อาย

อาย-อาย สัตว์น่ากลัว

สัตว์ชนิดนี้เราคนไทยไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไหร่นัก เนื่องจาก อาย-อาย เป็นสัตว์ท้องถิ่นของมาดากัสการ์ ด้วยลักษณะที่แตกต่างนิ้วกลางที่ยาวผิดปกติ ทำให้มีความเชื่อว่ามันใช้นิ้วนี้เจาะหัวใจของผู้คน บางคนก็ว่าการที่ อาย-อาย ชี้นิ้วไปหาคนนั้นหมายความว่าคนคนนั้นจะตาย 

ด้วยความเชื่อโชคลางดังกล่าว ทำให้การใช้ชีวิตของมันตกอยู่ภายใต้การคุกคาม ในปัจจุบันสายพันธุ์นี้ไม่เพียงแต่ถูกคุกคามด้วยความเชื่อโชคลางเหล่านี้ และยังถูกรุกพื้นที่อยู่อาศัย ทำให้จำนวนของอาย-อายลดลงและใกล้สูญพันธุ์อย่างน่าสลดใจ

ตุ๊กแก

ตุ๊กแกอ้าปาก

ความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติเกี่ยวกับ ตุ๊กแก อย่างหนึ่งคือสัตว์ชนิดนี้เป็นที่สิงของดวงวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับแล้ว ท่านมาเตือนด้วยการส่งเสียงร้องซึ่งมีความหมายในรูปแบบต่าง ๆ บางตำราก็ว่าให้ดูความหมายจากจำนวนครั้งที่ร้องของตุ๊กแก เช่น ถ้าร้อง 5 ทีไม่ดีนัก ส่วนร้อง 6 ถือว่าเจ้าของบ้านจะมีเรื่องเดือดร้อนอึดอัด ถ้าร้อง 7 ก็ยิ่งไม่ดีเพราะจะทำให้เสียทรัพย์ด้วย 

แต่หากตุ๊กแกร้องมากกว่านี้เช่น 8, 9 หรือ 10 ครั้งนั้นจะโชคดี มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต และถ้าพิเศษกว่านั้นคือถ้าร้อง 11 ครั้งนี่ถือว่าโชคดีหลายชั้นมากกับเจ้าของบ้านอาจพานพบเนื้อคู่ด้วย ทำให้เรามักจะเห็นจากข่าวคราวอยู่บ่อยครั้งว่า ตุ๊กแก เป็นสัตว์อีกชนิดที่พารับโชคถูกหวยถูกรางวัล

สรุป

ถึงแม้คนยุคใหม่อย่างเรา ๆ จะถูกสอนให้คิดตามแนววิทยาศาสตร์ด้วยหลักเหตุและผล ไม่ให้หลงงมงายหรือเชื่อในแบบเดิม ๆ แต่กระนั้นในโลกใบนี้ ก็ยังมีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่ยังหาเหตุผลมารองรับไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งลี้ลับ สัตว์อาถรรพ์ ที่ไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ชิดกับคนเรามากแค่ไหน หลายครั้งพฤติกรรมหรือรูปลักษณ์ส่งผลให้พวกมันมีความหมาย

แต่ทว่าถ้าใช้เหตุผลเข้าใจให้ถ่องแท้ก็ไม่มีเหตุใดที่จะต้องเชื่อไปทั้งหมด และไม่มีเรื่องใดที่ยืนยันได้ว่าจะต้องเป็นไปตามนั้น ดังนั้นจึงขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการอ่าน และที่สำคัญอย่านำความเชื่อเหล่านี้นำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายชีวิตต่อเพื่อนร่วมโลก ต่อสัตว์พวกนี้ทางอ้อมเลย

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก kapook

บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

Facebook
Twitter
Email