วิธีซื้อทองให้ได้ราคา

วิธีซื้อทองให้ได้ราคา รู้ไว้ไม่เสียหาย ให้ขายได้กำไรสูงสุด ในปี 2564

ก่อนที่เราจะ ลงทุนทองคำ เราควรทราบ วิธีซื้อทองให้ได้ราคา ขายได้กำไร แบบไม่ขาดทุน ก่อนเป็นอันดับแรก!

ใครที่เป็นนักลงทุนมือใหม่ อยากแบ่งเงินส่วนหนึ่งเพื่อลงทุน “การลงทองคำ” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะมาก สำหรับคนที่ชอบความมั่นคง และมองการไกลในอนาคต เนื่องจาก “ทองคำ” เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่มีมูลค่า ซื้อง่ายขายคล่อง และสามารถทำกำไรในช่วงที่ตลาดหุ้นตกต่ำได้

ก่อนที่เราจะไปดู 6 วิธี การซื้อทอง ให้ได้ราคา และสามารถขายได้กำไร ตาม ruay 365 ไปทำความรู้จักกับ “การลงทุนทองคำ” เบื้องต้นกันก่อนเลย

ทำไม ปี 2564 คนหันไป ลงทุนทองคำ

ทองคำแท่ง

หลาย ๆ คนยังไม่ทราบว่า ที่คนหันไปลงทุนกับ การซื้อทอง เพราะว่า ในช่วงปี 2564 นี้ ราคาทอง กลับมาเป็นขาขึ้นอีกรอบ ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดจาก โควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจของไทย และของทั่วโลกด้วยเช่นกัน ทำให้นักลงทุน หันมาสนใจ วิธีซื้อทองเก็งกำไร กันมากยิ่งขึ้น

สาเหตุหลัก ๆ ที่นักลงทุนสนใจ ลงทุนทองคำ นั่นก็เพราะว่า “ทองคำ” ถือเป็น “Safe Haven” หรือ สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี ในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือในช่วงที่เกิดภาวะไม่แน่นอน และตลาดผันผวน เช่น เหตุการณ์ทางการเมือง โรคระบาด สงคราม ฯลฯ 

ข้อดี & ข้อเสีย ของการลงทุนทองคำ

วิธีซื้อทอง ให้ได้ราคา

ด้วยสาเหตุที่ว่า “ทองคำ” เป็น “Safe Haven” จึงทำให้คนหันมา ลงทุนซื้อทองคำ เก็บไว้เยอะ ๆ ในกรณีที่เงินสดขาดมือ ก็สามารถนำทองคำไปขายได้ ซึ่งข้อดีของทองคำ มีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อหลัก ๆ ได้แก่…

  1. เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความมั่นคง ผันผวนต่ำ
  2. เป็นเครื่องมือป้องกันมูลค่าจากอัตราเงินเฟ้อ
  3. สามารถทำกำไรได้ ในช่วงตลาดหุ้นตกต่ำ
  4. สามารถหาซื้อได้ง่าย และขายได้คล่อง

จะเห็นได้ว่า “การซื้อขายทอง” นั้นมีข้อดีมากมาย แต่อย่างไรการลงทุนทองก็ยังมีข้อเสียอยู่ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ การลงทุนทอง เป็นรูปแบบการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และมีความซับซ้อนพอสมควร 

ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาประเภทของการลงทุนให้ดี และควรศึกษา วิธีซื้อทองให้ได้ราคา ให้เหมาะสมกับแต่ละรูปแบบด้วย

5 ประเภท การลงทุนทองคำ

ใครที่สงสัยว่า เล่นทองอย่างไรให้รวย ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า “การลงทุนทองคำ” นั้นมีด้วยกันทั้งหมด 5 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มี ข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป ถ้าเราอยากจะรวยด้วย การซื้อขายทอง เราควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเรา

การลงทุนทองคำ

ทองคำแท่ง

ประเภท การลงทุน “ทองคำแท่ง” ก็คือ การลงทุนซื้อ “ทองคำก้อน” ที่มีลักษณะเป็นแท่ง นำมาเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร

ข้อดี : ทองคำแท่งมีราคาถูกกว่าทองรูปพรรณ (ในน้ำหนักที่เท่ากัน) เพราะไม่ต้องเสียค่ากำเหน็จ และราคาซื้อกับราคาขายจะต่างกันไม่มาก ประมาณ 100 บาท

ข้อเสีย : อาจต้องเสีย “ค่าเก็บรักษา” นำไปฝากกับตู้นิรภัยของธนาคาร และถ้าหากไม่อยากเสีย “ค่าบล็อค” ก็ต้องซื้อทองคำแท่งขนาด 5 บาทขึ้นไป จึงต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง

*** “ค่าบล็อค” ก็คือ ค่าผลิตทองคำ ที่ใช้เครื่องจักร อาจรวมถึงค่าบริหารจัดการของร้านทอง เช่น ค่าขนส่ง ค่ารักษาจัดเก็บ ฯลฯ

ทองคำรูปพรรณ

สำหรับ การลงทุน “ทองคำรูปพรรณ” ก็คือ การลงทุนซื้อ “ทองคำรูปพรรณ” ที่มีรูปทรงต่าง ๆ เช่น สร้อยคอ แหวน กำไลข้อมือ ฯลฯ นำมาเก็บไว้เก็งกำไร

ข้อดี : สามารถนำมาสวมใส่ เป็นเครื่องประดับบารมี และสามารถเก็บไว้ที่ตัวเองได้

ข้อเสีย : ทองคำรูปพรรณ มีการเก็บ “ค่ากำเหน็จ” ทำให้ราคาซื้อจะสูงกว่าทองคำแท่ง ราคาซื้อ-ขายอาจต่างกันอยู่ประมาณ 1,000 บาท และราคาอาจตกลงได้ด้วยเมื่อนำไปขายคืน หากพบว่าทองมีร่องรอยการถูกใช้งาน

*** “ค่ากำเหน็จ” ก็คือ ค่าแรงของช่างทอง ในการขึ้นรูปแกะลายทอง และสร้างเป็นสร้อย แหวน ต่างหู กำไล ฯลฯ อาจอยู่ราว 600-1,200 บาท ต่อบาททองคำ

ทองรูปพรรณ

การออมทอง

“การออมทอง” ก็คือ การไปเปิดบัญชีกับร้านทอง แล้วค่อยทยอยนำเงินไปฝาก เพื่อสะสมไว้ซื้อทอง โดยอาจเริ่มที่ 1000 บาท เมื่อสะสมเงินไปเรื่อย ๆ จนเงินครบจำนวน ทอง 1 บาท ก็สามารถไปรับทองได้

ข้อดี : เหมาะกับคนที่ไม่มีเงินลงทุน ไม่มีเงินก้อน สามารถทยอยลงทุนน้อย ๆ ได้ และสามารถเลือกรับเป็นทองคำแท่ง หรือขายคืนเป็นเงินสดก็ได้

ข้อเสีย : โอกาสได้กำไรต่ำ ไม่เหมาะกับการลงทุนเพื่อจะเก็งกำไร

กองทุนรวมทองคำ

การลงทุนแบบ “กองทุนรวมทองคำ” ก็คือ การนำเงินของเราไปลงทุนในกองทุน ที่เขาลงทุนในทองนั่นเอง ซึ่งวิธีก็เหมือนกับการนำเงินไปลงทุน ในกองทุนรวมอื่น ๆ

ข้อดี : เราสามารถใช้กองทุนทองคำเป็นที่พักเงิน เพื่อเลี่ยงความผันผวนของเศรษฐกิจได้ และเงินเริ่มต้นที่ใช้ในการเข้าลงทุนไม่สูงมาก

ข้อเสีย : อาจเสียค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุนรวม และเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก (เสี่ยงในระดับ 8) ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญพอสมควร

Gold Futures

ประเภทสุดท้าย การลงทุน “Gold Futures” ก็คือ การทำสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ซึ่งเป็นการเก็งกำไรจาก การขึ้น-ลงของราคาทองคำ ตลาดโลก 

ข้อดี : สามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงของทองคำ และสามารถใช้เงินลงทุนต่ำ

ข้อเสีย : เป็นทางเลือกที่สร้างผลตอบแทนที่สูงในเวลาอันสั้น แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยง เหมาะกับคนที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดทองคำ

กราฟทองคำ

อัปเดต 6 วิธีซื้อทองให้ได้ราคา ในปี 2564

หลังจากที่ทราบกันไปแล้วว่า การลงทุนทอง มีรูปแบบใดบ้าง วันนี้ ruay 365 ขอหยิบ “วิธีซื้อทองให้ได้ราคา” โดยมุ่งเน้นที่ ทองรูปพรรณ และทองคำแท่ง ไปดูกันได้เลย 

หากต้องการ ซื้อ-ขายทองเก็งกำไร ควรซื้อทองคำแท่ง

วิธีแรกเป็น วิธีซื้อทองให้ได้ราคา ที่คนทั่วไปทราบกันดี เพราะ “ค่าบล็อค” ของทองคำแท่งนั้น มีราคาถูกกว่า “ค่ากำเหน็จ” ของทองรูปพรรณ นอกจากนั้นเมื่อนำทองคำแท่งไปขายคืน ก็อาจไม่ต้องเสียค่าเสื่อมสภาพเหมือนทองรูปพรรณด้วย เช่น มีรอยขูด รอยตำหนิต่าง ๆ ดังนั้นหากมีเป้าหมายคือซื้อทองไว้เก็บเก็งราคา ก็แนะนำให้ซื้อทองคำแท่งดีที่สุด

ตอนซื้อทอง ควรขอใบรับรอง และให้ชั่งน้ำหนักทอง

ใบรับรองของทอง หรือ “Certificate” ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญมาก เวลาเราไปซื้อทองควรขอเอกสารด้วยทุกครั้ง หรือถ้าร้านไหนไม่มีให้ก็ควรเปลี่ยนไปซื้อร้านอื่นแทน เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาเวลาเอาทองไปขาย

นอกจากนั้นการให้ร้านค้าชั่งน้ำหนักทอง ก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ระวังจะโดนโกงได้ทำให้ขาดทุน โดยทองคำแท่ง 96.5% (น้ำหนัก 1 บาททอง = หนัก 15.244 กรัม) ส่วนทองรูปพรรณ 96.5% (น้ำหนัก 1 บาททอง = หนัก 15.16 กรัม) ต้องเช่นนี้เสมอ

หากซื้อทองคำแท่งขนาดเล็ก ควรเลือกที่มีซีลพลาสติก

วิธีซื้อทองให้ได้ราคา โดยเฉพาะ “ทองคำแท่ง” ถ้าหากเราซื้อขนาดเล็กกว่า 5 บาท ควรเลือกแบบที่มีซีลพลาสติกทุกครั้ง เพราะทองคำที่ถูกซีลพลาสติกไว้ จะช่วยลดรอยตำหนิ การบุบ ทำให้เวลาไปขายคืนจะไม่เสียราคาค่าเสื่อม ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรรักษาทองให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ให้ไม่มีรอยขีดข่วนใด ๆ

ทองคำแท่งและรูปพรรณ

เลือกซื้อทองรูปพรรณ ที่มีตรายี่ห้อ และระบุเปอร์เซ็นทอง

สำหรับใครที่จะเก็บทองเป็น “ทองรูปพรรณ” เวลาซื้อ ควรเลือกทองที่ชิ้นงานมีการตอกตราสัญลักษณ์ยี่ห้อหรือผู้ผลิต และระบุเปอร์เซ็นทองชัดเจน เพื่อที่เวลาขายคืนจะได้ราคาดีกว่า โดยวิธีการสังเกตก็คือ ถ้าเป็น “แหวน” มักจะระบุด้านในของวงแหวน ส่วน “สร้อยคอ สร้อยข้อมือ” มักจะระบุไว้ที่ตะขอ หรือช่วงที่เชื่อมต่อกับห่วงเกี่ยวขอ แนะนำให้พกกล้องส่องพระไปด้วย 

ควรแยกเก็บทองรูปพรรณ ที่ต้องการขายและต้องการสวมใส่

ถ้าอยาก ขายทองรูปพรรณเก็งกำไร วิธีซื้อทองให้ได้ราคา ก็คือ ต้องซื้อทองรูปพรรณที่ไม่ค่อยมีลวดลาย เพราะ “ค่ากำเหน็จ” จะต่ำกว่าพวกทองรูปพรรณที่สวยงาม นอกจากนั้นควรแยกเก็บทองรูปพรรณที่ต้องการเก็บขาย และต้องการสวมใส่ แยกจากกัน ไม่ควรนำมาใส่วนบ่อย ๆ เพื่อถนอมสภาพให้คงเดิมที่สุด จะทำให้ขายคืนได้ราคาดี

ควรกลับไป ซื้อ-ขายทอง ที่ร้านเดิม

วิธีสุดท้าย วิธีซื้อทองให้ได้ราคา ที่สำคัญที่สุด ก็คือ “ต้องเลือกสถานที่ซื้อขายทอง ที่เดิมเสมอ” หรือพูดง่าย ๆ ได้ว่า ซื้อทองร้านไหนมา ก็ควรนำกลับไปขายร้านเดิม เพราะว่าที่ร้านทองจะรับขายคืนอย่างแน่นอน เนื่องจากเรามี “Certificate” หรือใบรับรองจากทางร้าน ทำให้ง่ายต่อการคัดแยกและรับซื้อ นอกจากนั้นยี่ห้อทอง หรือผู้ผลิต ยังได้รับประกันจากทางร้านแล้วด้วย จึงทำให้ขายได้ราคาดี

แหวนทอง

สรุปส่งท้าย

สำหรับ 6 วิธีซื้อทองให้ได้ราคา ที่กล่าวไปข้างต้นนี้ เราควรนำเทคนิคกลับไปใช้ทุกครั้งเวลาไปเลือกซื้อทอง! เพื่อไม่ให้ถูกทางร้านทองเอาเปรียบได้ โดยก่อนอื่นเลย นักลงทุนมือใหม่ ควรมั่นใจก่อนว่า เราจะซื้อทองมาเก็บเก็งกำไร หรือซื้อมาสวมใส่กันแน่ 

เมื่อทราบแล้วว่าต้องการซื้อทองมาเก็งกำไร ก็ต้องคิดต่อว่าจะ “ซื้อทองที่ไหนดี” ซื้อทองออนไลน์ หรือซื้อที่ร้านทอง ซึ่งเราขอแนะนำว่าไปซื้อเองเห็นกับตาดีที่สุด เพราะเราจะได้ส่องดูตราสัญลักษณ์ และให้ทางร้านชั่งน้ำหนักให้ดูด้วย หากได้กำไรจากทองแล้วเราลองนำเงินไปสนุกกับเว็บ tode ที่มีทั้ง หวย ไฮโล หัวก้อย เกมส์สนุกๆแถมได้เงินอีกด้วย

ทุกคนลองนำกลับไปคิดกันดูนะว่าอยาก ลงทุนทอง แบบไหน ส่วนใครที่มั่นใจแล้วว่าจะรวยให้ได้ ก็ลองไปอ่านบทความข้างล่างนี้กันต่อได้เลย แอดมินรวบรวม วิธีเสริมดวงการเงิน ในปี 2564 มาให้แล้ว ไปดูเคล็ดลับแก้เคล็ดในช่วง โควิด-19 กันเลย!

บทความที่เกี่ยวข้อง

Facebook
Twitter
Email