ช่วง “เทศกาลกินเจ” ของทุกปี ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย ส่วนในปีนี้เทศกาล “กินเจ 2563” ตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม – 25 ตุลาคม รวมเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนที่ทานเจเป็นประจำทุกปี จะรู้ว่าภายในเทศกาลมักจะมีของอร่อย ๆ ให้เราได้ฟินเสมอ แต่รู้หรือไม่ว่าเราเองสามารถเลือกเมนูอาหาร “กินเจตามราศี” ที่เกิด เพื่อสริมดวง บำรุงสุขภาพให้แข็งแรงได้อีกด้วย
การกินเจให้ประโยชน์หลายอย่างแก่ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติทั้งทางตรงและทางอ้อม อีกทั้งยังเชื่อกันว่าการงดบริโภคเนื้อสัตว์ จะช่วยปรับหยินและหยางในร่างกายให้สมดุลมากยิ่งขึ้นด้วย ถือเป็นการสร้างบุญอีกวิธีหนึ่งตามความเชื่อทางศาสนาพุทธมหายาน ช่วยชำระล้างใจให้ใสสะอาด ทำให้จิตใจผ่องใสมากขึ้น
และเมื่ออยู่ในช่วงเทศกาลกินเจแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนที่เริ่ม “ถือศีลกินเจ” ไปแล้วไม่น้อยเริ่มรู้สึกว่าเบื่ออาหารกันบ้างแล้ว Ruay365.com จึงอยากเสนอให้ทุกคนลองหันมา กินเจตามราศี เลือกเมนูที่เหมาะสำหรับคนแต่ละราศีกันหน่อยไหม
จะได้เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในปีนี้และปีอื่น ๆ รวมถึงเหมาะกับคนที่ทานเจเป็นประจำ เรียกได้ว่าเป็นการทำบุญและได้ทั้งสุขภาพดีด้วย จะมีเมนูเจจานเด็ดอะไรบ้างที่ต่อใจดีต่อร่างกายคุณ ไปดูกัน!
กินเจตามราศี เสริมดวงและสุขภาพ
เมนูเจที่เหมาะสำหรับคนแต่ละราศีส่วนใหญ่มักพิจารณาตาม “ธาตุเจ้าเรือน” ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ หรือธาตุหลักที่อยู่ในร่างกายของเราที่เกิดมาทุกคนย่อมมี ซึ่งจะมีลักษณะแตกต่างกันไปในแต่ละคนตามปีเกิดหรือราศีเกิด
การรักษาร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยจึงควรรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ พักผ่อน และออกกำลังกายให้ตรงกับสภาพร่างกาย หรือธาตุเจ้าเรือนของตนเอง เพื่อให้เกิดร่างกายสมดุล
ฉะนั้นแล้วเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดของโรคภัยต่าง ๆ จะต้องรู้จักสภาพร่างกายของตนเอง จะได้เสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ และป้องกันปัญหาสุขภาพได้อย่างถูกจุด โดยเมนู กินเจตามราศี ที่ช่วยเพิ่มพลังธาตุได้บุญเพิ่ม ได้แก่…
ราศีมังกร (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 22 ธ.ค. – 20 ม.ค.)
มีภาวะของธาตุดิน ชาวราศีมังกรมักจะมีอาการปวดเมื่อยตามกระดูกและข้อ ไม่มีความยืดหยุ่น และเมื่ออายุมากขึ้นก็จะป่วยเป็นโรคกระดูกและข้อต่อได้ง่าย
เมนูเจสำหรับชาวราศีมังกร : ควรทานเป็นน้ำเต้าหู้บำรุงกระดูก หรืออาหารเบาๆ อย่างโจ๊กเห็ดหอม รวมถึงน้ำผลไม้ที่ไม่เปรี้ยวหรือหวานมากเกินไป อย่างแคนตาลูปปั่น น้ำแก้วมังกร และน้ำบีทรูท
ราศีกุมภ์ (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 21 ม.ค. – 19 ก.พ.)
มีภาวะของธาตุลม ชาวราศีกุมภ์ส่วนใหญ่จะเป็นโรคกรดไหลย้อน หรืออาหารไม่ย่อย นอกจากนั้นคนราศีนี้ยังเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคข้อเท้าบวม เส้นเลือดขอด ข้อเท้าเคล็ด ไปจนถึงข้อต่ออักเสบ
เมนูเจสำหรับชาวราศีกุมภ์ : ควรทานผลไม้ช่วยย่อยอาหารอย่าง มะละกอหรือสัปปะรด จะให้ดีควรมีน้ำขิงช่วยไล่ลม และอาหารนึ่ง ตุ๋น รวมถึงพืชสีเหลือง ผักสีเหลือง
ราศีมีน (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 20 ก.พ. – 20 มี.ค.)
มีภาวะของธาตุน้ำ ชาวราศีมีนมักจะมีปัญหาในเรื่องของอาการร้อนในอยู่บ่อยครั้ง สาเหตุจากคนราศีนี้รู้สึกเหนื่อยง่ายและปวดหัวอยู่บ่อย ๆ อดหลับอดนอน และยังมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลืองและภูมิคุ้มกัน ไม่แข็งแรง
เมนูเจสำหรับชาวราศีมีน : ควรดื่มสมุนไพรดับร้อน อย่างน้ำขิง อาหารที่มีฤทธิ์เย็นประเภทเมนูต้ม เช่น สุกี้น้ำหรือแกงส้มผักรวม จะช่วยลดภาวะความเครียด ให้ผ่อนคลายลงได้
ราศีเมษ (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 21 มี.ค. – 19 เม.ย.)
มีภาวะของธาตุไฟ เป็นอีกหนึ่งราศีที่ชอบคิดมากและเครียดง่าย มักมีปัญหาตรงบริเวณศีรษะ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดหัวบ่อย ๆ หรือโรคไมเกรน รวมถึงอาจป่วยเป็นโรคหวัดและไซนัสอักเสบได้ง่ายอีกด้วย
เมนูเจสำหรับชาวราศีเมษ : ควรเลือกทานผลไม้ดับร้อนอย่างแตงโมหรือน้ำใบบัวบกคลายพิษร้อน เมนูอาหารคาวที่แนะนำคือ แกงจืดต่าง ๆ อย่างเช่น ต้มจืดมะระ แกงจืดใบตำลึง
ราศีพฤษภ (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 20 เม.ย. – 20 พ.ค.)
มีภาวะของธาตุดิน คนราศีนี้ค่อนข้างป่วยง่าย หมดแรงหรืออ่อนเพลีย ถ้าเมื่อไหร่ที่เครียดจัดหรืออยู่ในที่ที่อากาศเย็น ๆ จะปวดตามเนื้อตามตัวได้ง่าย นอกจากนี้ยังอาจติดเชื้อแล้วยังมีปัญหาเรื่องต่อมธัยรอยด์ทำงานไม่ปกติ รวมถึงระบบเผาผลาญอาหารทำงานไม่ค่อยดี
เมนูเจสำหรับชาวราศีพฤษภ : ควรทานวิตามินซีเสริมเข้าไปเยอะๆ เช่น ส้ม ฝรั่ง หรือมะเขือเทศ ส่วนอาหารคาวที่เรียกเหงื่ออย่างเมนูต้มยำ หรือน้ำพริกแซ่บ ๆ จะช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญให้ดีขึ้น
ราศีเมถุน (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 21 พ.ค. – 21 มิ.ย.)
มีภาวะของธาตุลม ชาวราศีเมถุนมักเป็นเหน็บชาบ่อย ๆ เนื่องจากมีปัญหากับระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกาย มีแนวโน้มจะป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและปอด
เมนูเจสำหรับชาวราศีเมถุน : ควรทานน้ำจมูกข้าวหรือข้าวซ้อมมือ ที่มีประโยชน์มากช่วยลดและป้องกันโรคความดันโลหิตสูง รวมถึงหลีกเลี่ยงน้ำเย็น เปลี่ยนเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำขิงแทน ส่วนเมนูอาหารคาวทานรสจัดได้ เลือกเป็นผัดฉ่าหรือกระเพราเห็ดฟาง เห็ดต่าง ๆ
ราศีกรกฎ (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 22 มิ.ย. – 23 ก.ค.)
มีภาวะของธาตุน้ำ มักจะเป็นภูมิแพ้หรือเป็นหวัดง่าย รวมทั้งโรคที่เกี่ยวกับระบบการย่อยอาหารที่เร็วกว่าชาวราศีอื่น ทำให้ยังปวดท้องได้ง่าย เข้าห้องน้ำบ่อย ซึ่งมีแนวโน้มจะป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและโรคลำไส้อักเสบ
เมนูเจสำหรับชาวราศีกรกฎ : ควรเพิ่มวิตามินเยอะๆ จากมะเขือเทศ ฝรั่ง ส้ม กล้วยน้ำว้า ส่วนอาหารคาวควรทานที่มีเครื่องเทศหรือสมุนไพร เช่น ขมิ้น จะช่วยรักษาและไม่ทำร้ายจุลินทรีย์ในลำไส้
ราศีสิงห์ (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 24 ก.ค. – 23 ส.ค.)
มีภาวะของธาตุไฟ ชาวราศีสิงห์ชอบเป็นร้อนใน และผิวแพ้ง่าย รวมถึงกล้ามเนื้อตามร่างกายเกร็งและปวดเมื่อยอยู่บ่อย ๆ
เมนูเจสำหรับชาวราศีสิงห์ : ควรทานน้ำว่านหางจระเข้ น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบก และแอบเปิ้ลเขียว รวมถึงเครื่องดื่มที่คุณสมบัติช่วยล้างพิษ ส่วนอาหารคาวหลีกเลี่ยง คือ จำพวกอาหารทอด ควรทานเมนูต้ม ๆ อย่าง ต้มจับฉ่ายหรือแกงจืด
ราศีกันย์ (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 24 ส.ค. – 22 ก.ย.)
มีภาวะของธาตุดิน ชาวราศีกันย์มักจะน้ำหนักขึ้นได้ง่ายจากการทานแป้งหรือน้ำตาล อาจอ่อนไหวง่ายกับโรคที่เกี่ยวกับการย่อยอาหาร ถ้ากินอาหารไม่เป็นเวลาและเครียดอยู่เป็นประจำ และมีแนวโน้มป่วยเป็นโรคกระเพาะ
เมนูเจสำหรับชาวราศีกันย์ : ควรทานแป้งน้อยๆ ให้มะลอกอช่วยย่อย และทานข้าวกล้องแทนข้าวขาวขัดสี นอกจากนี้ควรเพิ่มธัญพืชของทุกมื้ออาหารก็จะยิ่งดี
ราศีตุลย์ (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 23 ก.ย. – 22 ต.ค.)
มีภาวะของธาตุลม มักจะท้องอืดหรือท้องเฟ้อ ควรระวังเรื่องการทำงานของไตและกระเพาะปัสสาวะ และมีปัญหาไขมันส่วนเกินถูกขับมาจากไต ส่งผลให้ผิวหนังเป็นสิวได้ง่าย
เมนูเจสำหรับชาวราศีตุลย์ : ควรทานอาหารที่ย่อยง่าย เน้นเครื่องเทศที่ลดลมในกระเพาะอาหาร ที่มีโหระพา ใบมะกรูด อย่างเช่น ต้มยำ ผัดฉ่าเห็ดฟาดหรือผัดผักบุ้ง เมนูน้ำเลือกเป็นแครอทปั่นหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย
ราศีพิจิก (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 23 ต.ค. – 22 พ.ย.)
มีภาวะของธาตุน้ำ ชาวราศีพิจิกจะเจริญอาหารมาก ชอบกินอาหารที่มีไขมันสูงจนทำให้ท้องผูกบ่อย ๆ และบางครั้งลามไปจนเป็นโรคริดสีดวงทวาร เนื่องจากไม่ยอมถ่ายตรงตามเวลา
เมนูเจสำหรับชาวราศีพิจิก : ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไขมันสูง เลือกเป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยวและขมเล็กน้อย อย่างน้ำพริกมะขาม ยำเห็ดรวม ส่วนผลไม้หรือสมุนไพร เช่น เชอร์รี่ และน้ำกระเจี๊ยบ
ราศีธนู (ผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 23 พ.ย. – 21 ธ.ค.)
มีภาวะของธาตุไฟ เป็นราศีที่อารมณ์แปรปรวน ชอบสังสรรค์และดื่มแอลกอฮอล์ ควรระวังเรื่องตับเป็นพิเศษ ตั้งแต่ตับแข็ง ตับอักเสบ ไปจนถึงโรคพิษสุราเรื้อรังและป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี
เมนูเจสำหรับชาวราศีธนู : แนะนำเป็นอาหารรสชาติจืดที่ไม่ไปทำร้ายตับเพื่ม เช่น แกงจืดรากบัว ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส เครื่องดื่มเป็นพวกน้ำเก๊กฮวย ใบเตย และเลือกทานแปะก๊วยหรือเม็ดแมงลักเพิ่มก็ได้ หากอยากทานของว่าง
กินเจห้ามกินอะไรบ้าง
คำถามยอดนิยมสำหรับคนกินเจ คือ กินเจกินไข่ได้ไหม หรืออันนู้นกินได้ไหม อันนี้กินได้ไหม เพราะอะไร ต้องบอกก่อนว่า “กินเจ” กับ “กินมังสวิรัติ” นั้นแตกต่างกัน เนื่องจากมังสวิรัติสามารถทานไข่ นม และอาหารรสจัดได้ แต่ต้องไม่ปรุงจากเครื่องปรุงที่มีส่วนผสมของสัตว์ เช่น กะปิ น้ำปลา เป็นต้น
ส่วนการกินเจจะงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ รวมถึงวัตถุดิบที่ทำมาจากสัตว์ เน้นเพียงอาหารประเภทผักผลไม้เป็นหลัก โดยอาหารเจที่ “กินได้” และ “กินไม่ได้” คือ
อาหารเจที่กินได้
- ชา กาแฟ ที่ไม่ใส่นม เนย หรือครีมเทียมทุกชนิด
- วิตามินเสริมอัดเม็ด ที่ไม่มีสารสกัดจากสัตว์
- ยีสต์ในขนมปัง ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของเห็ดและรา ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์จากสัตว์อย่างที่หลายคนเข้าใจ
- สาหร่าย จัดเป็นสิ่งมีชีวิตในกลุ่มพืชชั้นต่ำ ไม่ใช่สัตว์
- พริกไทย จัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง แต่หากรู้สึกว่ามีกลิ่นฉุน สามารถเลี่ยงได้
- มาม่า หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้องเลือกที่มีสัญลักษณ์เจ หรือสูตรเจเท่านั้น
อาหารเจที่กินไม่ได้
- เหล้า เบียร์ และแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- เนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงอาหารทะเล
- ผักต้องห้าม 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียวหรือกระเทียมโทนจีน กุยช่าย ใบยาสูบ)
- น้ำผึ้ง
- ผักชี (แม้ไม่อยู่ในกลุ่มผักต้องห้าม 5 ชนิด แต่จัดว่าเป็นผักที่มีกลิ่นฉุน)
- ปูอัด (แม้ไม่มีเนื้อปูจริง ๆ แต่มีแป้งและเนื้อปลา)
- ชีส (เพราะมีส่วนผสมของนมวัว นมแพะ นมควาย แล้วแต่ชนิดของชีส)
- โยเกิร์ต (เพราะทำมาจากนมวัว)
อาหารเจกินได้ (แต่ไม่แนะนำ)
- น้ำอัดลม (ไม่มีข้อห้าม แต่น้ำตาลสูงเกินไป)
- ผงชูรส (แม้จะทำจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาลจากอ้อย แต่อาจมีผงปรุงรสประเภทอื่น ๆ ที่มักผสมเนื้อสัตว์)
- ช็อคโกแลต (ส่วนใหญ่มีนมเป็นส่วนผสม แต่หากทานดาร์คช็อคโกแลต 100% ก็สามารถทานได้)
กินเจที่ไหนดี
เทศกาลกินเจ ปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 17 – 25 ตุลาคม 2563 กิจกรรมและงานต่าง ๆ ทั่วประเทศนั้น ถ้าใครยังไม่รู้ว่าจะต้องไปเข้าร่วมได้ที่ไหน วันนี้เราได้รวบรวมสถานที่งานเทศกาลกินเจ 2563 มาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ใครใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลย
เทศกาลกินเจ เยาวราช จ.กรุงเทพ
- วันที่ : 16 – 25 ตุลาคม 2563
- สถานที่ : ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ
พบกับร้านอาหารเจมากมายรวม 100 กว่าเมนู ตั้งบูธยาวตั้งแต่วงเวียนโอเดียนจนถึงแยกเฉลิมบุรี นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทำบุญ เสริมดวง และชมขบวนแห่รถบุปผชาติ การเชิดสิงโต ทั้งอิ่มบุญกับการทำบุญแล้วยังอิ่มท้องกับอาหารเจตลอดเส้นทาง
ประเพณีไหว้เจ้า 9 ศาล เทศกาลกินเจสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
- วันที่ : 16 – 25 ตุลาคม 2563
- สถานที่ : ศาลต่าง ๆ ในจังหวัดสมุทรสาคร และบริเวณริมเขื่อนหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร
มีการจัดงานจำหน่ายอาหารเจไว้มากกว่า 50 ร้านค้า และแนะนำให้ไปไหว้ 9 ศาลในจังหวัดเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีรถราง บริการรับ-ส่ง ตลอด เส้นทาง
ซึ่งศาลเจ้า 9 แห่งในจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร (มหาชัย), โรงเจมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร (มหาชัย), ศาลเจ้าปุนเถ้ากง ในคลอง (มหาชัย), ศาลเจ้าแม่กวนอิมพันมือคลองจาก (มหาชัย), ศาลเจ้าแม่จุ๊ยบ๋วยเนี้ย (ท่าฉลอม), โรงเจเชงเฮียงตั๊ว (ท่าฉลอม), ศาลเจ้าปุนเถ้ากง (ท่าฉลอม), ศาลเจ้าพ่อกวนอู (ท่าฉลอม) และ พระโพธิสัตว์กวนอิม (ท่าฉลอม)
เทศกาลกินเจ พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
- วันที่ : 16 – 26 ตุลาคม
- สถานที่ : ณ มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
ภายในงานทุกคนจะพร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดสีขาว เพื่อร่วมขบวนอัญเชิญเทพยดาฟ้าดิน (เซ็งทีตี้) กิ้วอ้วงฮุกโจ้ว และพระโพธิสัตว์ ไปสถิต ณ โรงเจสว่างบริบูรณ์ จากนั้นวัดถัดๆ ไปจะเป็นพิธีสวดมนต์ เดินธูป พิธีลอยกระทง ขอขมาต่อพระแม่คงคา พิธีเซ่นไหว้ดวงญาณผู้ไร้ญาติ พิธิทิ้งกระจาด และเผาเครื่องทรงถวาย กิ้วอ้วงฮุกโจ้วและพระโพธิสัตว์
เทศกาลกินเจหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
- วันที่ : 16 – 25 ตุลาคม 2563
- สถานที่ : บริเวณสวนหย่อมศุภสารรังสรรค์ ตรงข้าม ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
มีชมขบวนแห่ม้าทรงเปิดงาน ขบวนแห่เทศกาลกินเจจากศาลเจ้าต่าง ๆ ในอำเภอหาดใหญ่ ชมการแสดงบนเวทีพร้อมศิลปินทุกค่ำคืน รวมถึงการออกร้านจำหน่ายอาหารเจนานาชนิดกว่า 100 ร้าน และตลอดเส้นทางที่ขบวนแห่ผ่าน โรงแรม ร้านค้า บ้านเรือนต่าง ๆ จะตั้งโต๊ะบูชารับเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล
เทศกาลกินเจ เมืองปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์
- วันที่ : 17 -25 ตุลาคม 2563
- สถานที่ : ศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่หน้าผา เมืองปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์
ร่วมกราบไหว้เจ้าพ่อ-เจ้าแม่หน้าผา ปากน้ำโพ มีการข้ามสะพานบุญ ลอยประทีปสีประจำวันเกิด เพื่อเสริมดวงเพิ่มบารมีในบริเวณศาลเจ้า และอิ่มอร่อยไปกับอาหารเจหลากหลายชนิด ที่คอยบริการให้ทุกคนได้ตลอดทั้งวัน
สรุป
“กินเจ 2563” ตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม – 25 ตุลาคม รวมเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ที่เข้าร่วมเทศกาลกินเจ จะงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ และเน้นอาหารประเภทผักผลไม้เป็นหลัก
ซึ่งคุณเองสามารถเลือกเมนูอาหาร “กินเจตามราศี” ที่เกิด เพื่อเสริมดวง บำรุงสุขภาพให้แข็งแรงได้อีกด้วย และถึงแม้การกินเจจะดูเป็นเรื่องยากสำหรับคนชอบทานเนื้อสัตว์ แต่เราเชื่อว่าหากคุณได้ลองกินเจแล้ว คุณจะได้รับสุขภาพที่จะดีขึ้นอย่างทันตาเห็น รวมถึงได้ช่วยเพื่อนร่วมโลกในการละเว้นชีวิตสัตว์
และในปัจจุบันนี้การหาอาหารเจรับประทาน หรือวัตุดิบในการทำอาหารเจก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร และหาทานกันได้ง่าย มากไปกว่านี้สำหรับวันหยุดคุณและครอบครัวก็สามารถเดินทางไปรับทานอาหาร ทำบุญได้ตามเทศกาลกินเจต่าง ๆ ทั่วประเทศที่เราได้แนะนำไป
ทั้งนี้ หลังจากจบเทศกาลกินเจทั้ง 9 วันแล้ว วิธีการ “ออกเจ” ก็สำคัญเช่นกัน โดยในช่วง 2 วันแรกหลังออกเจ ควรกินอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย ให้เริ่มกินปลา ไข่ นม อย่าเพิ่งกินเนื้อสัตว์ใหญ่ จนกว่าจะครบ 4-6 วัน ส่วนผักต่างๆ แป้ง ไขมัน กินได้ปกติเหมือนเดิม หรือหากใครติดใจอยากถือศีลกินเจไปตลอด หรือสามาถเลือกกินเจอาทิตย์ละไม่กี่วันได้ก็สามารถเอาเคล็ดลับการกินเจตามราศี ที่ช่วยเสริมดวงและสุขภาพนี้ไปใช้ได้ตลอด