รู้สึกตามันกระตุก ๆ แปลก ๆ โบราณว่าเอาไว้ ขวาร้าย ซ้ายดี จะรู้ได้อย่างไร ตากระตุก เกิดจากอะไร มีวิธีแก้อาการนี้หรือไม่ แล้วจะเกิดเรื่องร้ายกับเราหรือไม่?? วันนี้ Ruay 365 มีคำตอบให้กับทุกคำถาม จริงเท็จเป็นอย่างไร
หลาย ๆ คนคงจะเคยมีอาการตากระตุก หรือเขม่นที่ตาบ้างเป็นครั้งคราว แต่บางท่านอาจะจะเกิดอาการเหล่านี้่บ่อย ๆ จนทำให้ชวนสงสัยว่า ฉันเป็นอะไรหรือเปล่านะ? ทำให้นึกถึงคำโบราณที่เขาว่าเอาไว้ว่า ขวาร้าย ซ้ายดี โดยเชื่อกันว่า ถ้าหากหนังตาข้างขวากระตุกแสดงว่าจะเกิดเรื่องร้าย แต่ถ้าหากเป็นข้างซ้ายจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น อาการตากระตุกแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร Ruay 365 จะพาไปดูสาเหตุที่ทำให้เกิดตากระตุก พร้อมคำทำนายเกี่ยวกับอาการตากระตุกมาให้แล้ว
สาเหตุของตากระตุก
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านจักษุ ได้บอกเอาไว้ว่า โดยส่วนใหญ่สาเหตุของการเกิดอาการตากระตุกเกิดมาจาก กระแสประสาทที่มาเลี้ยงบริเวณรอบดวงตามากผิดปกติในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาการของตากระตุกจะมีความรุนแรงได้ตั้งแต่ตากระตุกเล็กน้อย ไม่นานก็หายได้เอง ไปจนถึงตากระตุกจนตาปิด รวมไปถึงอาการตาเขม่น ที่เป็นอาการหนังตา หรือเปลือกตากระตุก เป็นได้ทั้งเปลือกตาบน และเปลือกตาล่าง

ปัจจัยที่ทำให้เกิดตากระตุก
- ดวงตาอ่อนล้าจากการใช้งานดวงตาหนัก เช่น จ้องจอคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นาน ๆ
- ความเครียด ความกังวล
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมาก
- อาการข้างเคียงของโรคลมชัก
- การมีสิ่งระคายเคืองที่ตา เช่น คอนแทคเลนส์, ภูมิแพ้ที่เยื่อบุตา, สิ่งแปลกปลอมเข้าตา
ตากระตุกแบบไหนควรรีบไปพบแพทย์
ลักษณะของอาการตากระตุกโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตากระตุกข้างซ้าย หรือข้างขวาไมได้ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงแจ่อย่างใด แต่ถ้าหากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ โดยทันที
- ตากระตุกติดต่อกันทุกวันเกิน 1 สัปดาห์
- มีอาการกระตุกที่บริเวณอื่นด้วย เช่น มุมปาก
- ตากระตุกพร้อมกันทั้งสองข้าง
- ตากระตุกแรงมากจนตาปิด รบกวนการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน
- มีอาการผิดปกติที่ตาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตาบวม ตาแดง มีขี้ตามาก เป็นต้น

แนวทางหลีกเลี่ยงอาการตากระตุก
หากเป็นอาการตากระตุกโดยปกติแล้วจะสามารถหายได้เอง ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าหากไม่อยากเกิดอาการตากระตุกนั้นสามารถที่จะใช้แนวทางดังต่อไปนี้
- ลดการใช้งานคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้น้อยลง หากมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ควรพักสายตาราว 5-10 นาที ระหว่างการใช้งานทุกๆ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หรือ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
- พยายามทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด หรือกังวลจนเกินไป
- ลดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนให้น้อยลง
- นายแพทย์สมาน ตั้งอรุณศิลป์ ระบุว่า หากตากระตุกหนักมาก แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดแยกเส้นเลือดออกจากเส้นประสาท ไม่ใช่วิธีรักษาให้หายขาด แต่เป็นการช่วยบรรเทาอาการตากระตุกให้น้อยลง หรือเบาลงได้

คำทำนาย ตากระตุก
ตามความเชื่อโบราณในประเทศเราก็ยังคงมีอยู่ สามารถที่จะนำมาเป็นแนวทางในการพิจารณากับการใช้ชีวตประจำวันได้เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ หากไม่เกิดก็ดี หรือเมื่อเกิดเราก็พร้อมรับมือได้อย่างมีสติ
ตากระตุกในตอนเช้า (นับจากตื่นนอน ใกล้รุ่ง)
- ถ้าเขม่นเปลือกตาขวา : จะมีญาติมิตรต่างแดนมาหา
- ถ้าเขม่นเปลือกตาซ้าย : จะมีปากเสียงทะเลาะวิวาท หรือมีเรื่องเดือดร้อนมาสู่
ตากระตุกในตอนสาย (09.00-12.00 น.)
- ถ้าเขม่นเปลือกตาขวา : ญาติมิตรต่างแดนหรือต่างจังหวัดจะนำลาภมาให้
- ถ้าเขม่นเปลือกตาซ้าย : จะเกิดเรื่องไม่ดีงามภายในครอบครัว

ตากระตุกในตอนบ่าย (13.00-16.00 น.)
- ถ้าเขม่นเปลือกตาขวา : การที่คิดไว้หรือกำลังทำอยู่จะประสบผลสำเร็จ
- ถ้าเขม่นเปลือกตาซ้าย : จะมีเพศตรงข้ามกล่าวขวัญถึงหรืออาจมาหา
ตากระตุกในตอนเย็น (17.00-19.00 น.)
- ถ้าเขม่นเปลือกตาซ้าย : จะมีญาติหรือเพื่อนสนิทที่อยู่ห่างไกลมาเยี่ยม
- ถ้าเขม่นเปลือกตาขวา : จะได้พบญาติหรือมิตรสหายที่จากกันไปนานโดยไม่นึกไม่ฝัน
เขม่นในตอนกลางคืน (19.00 น. เป็นต้นไป)
- ถ้าเขม่นเปลือกตาซ้าย : จะมีข่าวดีมาถึงในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น หรือจะได้ลาภจากผลงานที่ทำไว้
- ถ้าเขม่นเปลือกตาขวา : จะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนในครอบครัว
สรุป
สำหรับในเรื่องคำทำนายของอาการตากระตุก นั้นจะมีทั้งเรื่องดี และเรื่องร้าย โดยที่ไม่จำเป็นว่าตาขวากระตุกจะเจอแต่เรื่องไม่มี มันขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เกิดอาการนี้ร่วมด้วย เช่น ตากระตุกในตอนเช้า (นับจากตื่นนอน ใกล้รุ่ง) ถ้าตาขวากระตุก จะมีญาติมิตรต่างแดนมาหา แต่ถ้าตาซ้ายกระตุก จะมีปากเสียงทะเลาะวิวาท หรือมีเรื่องเดือดร้อนมาสู่ เป็นต้น ส่วนคำทำนายอื่น ๆ สามารถอ่านย้อนกันต่อที่บทความได้เลย
คงจะพอจะทราบถึงสาเหตุของอาการตากระตุกกันบ้างแล้ว ซึ่งในทางการแพทย์ระบุว่าอาการนี้เกิดจากการใชีวิตประจำวันที่ใช้ตามากเกินปกติ จึงทำให้เกิดอาการดังกล่าว ซึ่งถ้าหากยังคงใช้ชีวิตด้วยการทำงานโดยใช้สายตาหนักมาก ๆ อาทิ อดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินความจำเป็น ก็อาจจะทำให้อาการแย่กว่าเดิม ในที่นี้แนะนำต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อจะได้คำแนะนำที่ถูกต้อง