ไม่มีไรเลยนอกจาก “นอน” แล้วเธอจะชอบมั๊ยนะ บทความของ Ruay 365 เรื่องนี้รับประกันว่าต้องถูกใจคนขี้เซากันอย่างแน่นอน ใครว่าการนอนไม่สำคัญนี่เถียงเลยนะ เพราะการนอนหลับมีความสำคัญต่อสุขภาพของคนเรามาก ขณะเดียวกัน “ท่านอนทายนิสัย” ยังสามารถสะท้อนตัวตนจากเบื้องลึกของแต่ละคนได้อีกด้วย
คนเรานั้นมักจะมีท่านอนที่แตกต่างกันไป บางคนนอนดิ้น บางคนชอบนอนตะแคงทางซ้าย บางคนชอบนอนตะแคงทางขวา และคงไม่มีใครนึกว่าท่านอนแต่ละท่าสามารถแก้ปัญหาสุขภาพของเราได้ อีกทั้งยังสามารถบ่งบอกถึงนิสัยและตัวตนของคนคนนั้นได้อีกด้วย ซึ่งท่านอนแบบไหน จะมีนิสัยเป็นแบบไหน แล้วท่านอนที่ถูกต้องดีต่อสุขภาพ เป็นอย่างไร ตาม Ruay มาหาคำตอบกัน
การนอน สำคัญต่อสุขภาพอย่างไร
การนอน คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุดและจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง การนอนไม่พอส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลายด้าน ขณะเดียวกันการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอก็ส่งผลดีต่อร่างกายหลายประการ
โดยในช่วงที่เราหลับนั้นร่างกายจะเข้าสู่สภาวะที่การรับรู้ของร่างกายแยกตัวออก และลดการตอบสนองจากสิ่งแวดล้อมชั่วคราว และในช่วงนี้เองหลาย ๆ ระบบในร่างกายจะมีการพักผ่อนเกิดขึ้น แต่บางระบบของร่างกายโดยเฉพาะสมองจะยังคงทำงานต่อเนื่อง
เมื่อนอนหลับอย่างเพียงพอจะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าในตอนเช้า ช่วยให้ใบหน้าแลดูสดใส ไม่หมองคล้ำ และช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ความจำ หรือระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น แต่หากนอนหลับพักผ่อนน้อยจะส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ ลดประสิทธิภาพลง และมีความเสี่ยงอายุสั้นกว่าผู้ที่นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
นอนนานแค่ไหนจึงเพียงพอ และดีที่สุด
ระยะเวลาการนอนหลับที่เหมาะสมในแต่ละวันนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน สุขภาพโดยรวม และคุณภาพการนอนของแต่ละคน เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่มักใช้อายุเป็นเกณฑ์ ดังนี้
- ทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 3 เดือน ควรนอนหลับ 14-17 ชั่วโมง
- ทารกอายุ 4-11 เดือน ควรนอนหลับ 12-15 ชั่วโมง
- เด็กอายุ 1-2 ปี ควรนอนหลับ 11-14 ชั่วโมง
- เด็กอายุ 3-5 ปี ควรนอนหลับ 10-13 ชั่วโมง
- เด็กอายุ 6-13 ปี ควรนอนหลับ 9-11 ชั่วโมง
- วัยรุ่นอายุ 14-17 ปี ควรนอนหลับ 8-10 ชั่วโมง
- ผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี ควรนอนหลับ 7-9 ชั่วโมง
- ผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป ควรนอนหลับ 7-8 ชั่วโมง
และการนอนที่ดีที่สุดควรอยู่ในระหว่างเวลา 21.00-22.00 น. เพราะร่างกายจะได้ประโยชน์สูงสุดอย่างเต็มที่ ส่วนช่วงเวลา 22.00-24.00 น. จะช่วยซ่อมแซมและสร้างเซลล์ที่สึกหรอในร่างกาย แต่อย่างไรก็ตามแล้วควรนอนหลับอย่างสนิทให้ต่อเนื่องกันอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมงต่อคืน
ท่านอน สำคัญอย่างไร
ท่านอนที่เหมาะสมมีส่วนช่วยให้หลับสนิทและตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นสบายตัวได้มาก ส่วนท่านอนบางท่าก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน ดังนั้น การเลือกท่านอนที่ถูกต้องเหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการนอนอย่างเต็มที่และมีพลังสำหรับเริ่มต้นเช้าวันใหม่เสมอ
ท่านอนแต่ละท่าล้วนมีลักษณะการนอนที่ส่งผลแตกต่างกันออกไป และแต่ละคนก็มีท่านอนที่ชอบแตกต่างกัน แต่ทว่าบางท่านอนที่เราชอบนั้นอาจไม่เหมาะกับลักษณะร่างกายและปัจจัยสุขภาพของตน เพื่อช่วยส่งเสริมคุณภาพในการนอน Ruay จะมาแนะนำ 4 ท่านอนที่ถูกต้อง หลับสบาย ไม่ปวดเมื่อย ดังนี้
นอนหงาย แก้ปวดคอ แก้ปวดหัว
ท่านอนหงายเป็นท่าเบสิกที่ทุกคนนิยมใช้กัน การนอนหงายช่วยลดอาการปวดเมื่อยที่คอ และป้องกันการเกิดกรดไหลย้อนได้ค่อนข้างดี แต่การนอนท่านี้ไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคปอดและโรคหัวใจ เพราะท่านอนหงาย กะบังลมที่คั่นระหว่างช่องอกกับช่องท้องจะทับอยู่บนปอด ทำให้การหายใจค่อนข้างลำบาก ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักมากยิ่งขึ้น
เหมาะกับสาว ๆ ที่ใส่ใจปัญหาเรื่องผิวพรรณและความงาม เพราะการนอนท่านี้จะช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ดี โดยการนอนหงายจะดีก็ต่อเมื่อระดับของศีรษะ ลำคอ และหลังอยู่ในแนวตรง แนะนำให้เลือกหมอนที่ไม่สูงมาก นอนเป็นแนวราบจะดี
หรือสำหรับใครที่มีอาการปวดหัวบ่อย ๆ ให้นอนหงายแล้วใช้หมอนรองคอ หมอนใบเล็กมาวางเสริมตรงคอ จะช่วยไม่ให้คอบิดโดยไม่รู้ตัวขณะหลับ ลดอาการปวดหัวลงได้
นอนตะแคงทางซ้าย แก้ปวดหลัง
การนอนตะแคงไปทางซ้าย เป็นท่าที่ช่วยลดอาการปวดหลัง เพิ่มความดันในตับ ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ตอนนอนควรมีหมอนข้างเอาไว้กอดและพาดขาข้างขวาด้วย หากใครนอนท่านี้จนถึงเช้าแบบไม่มีที่พาดขาอาจทำให้เกิดอาการชาที่ขาข้างซ้ายได้ ส่งผลทำให้หัวใจเต้นค่อนข้างลำบาก
ไม่เหมาะกับคนป่วยเป็นโรคปอด เพราะปอดอยู่ข้างซ้ายการนอนตะแคงซ้าย ทำให้ปอดของเราขยายตัวได้ไม่เต็มที่ และไม่ควรหนุนหมอนที่ต่ำจนเกินไปเพราะอาจทำให้ปวดต้นคอได้ และการหนุนหมอนที่มีความสูงเท่ากับความกว้างของบ่าซ้าย จะไม่ทำให้เราปวดคอจากการตกหมอน
นอนตะแคงทางขวา ช่วยย่อยอาหาร
การนอนตะแคงทางขวาคือท่านอนที่ดีที่สุด และใช้ได้กับทุกคน เพราะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก อาหารจากกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ไม่มีอะไรคั่งค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นการนอนท่านี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้ด้วย โดยการนอนตะแคงไปทางขวา แนะนำให้เลือกใช้หมอนที่ไม่ต่ำจนเกินไป เพราะอาจจะตกหมอนและคอเคล็ดได้
นอนคว่ำหน้า ลดความดัน
การนอนคว่ำหน้าจะช่วยลดความดันโลหิตสูง ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ป้องกันการนอนกรน และไม่ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก สำหรับการนอนท่านี้ไม่ควรนอนราบไปกับพื้นเฉย ๆ แต่ควรหาหมอนมาหนุนรองตรงหน้าอกของเราทุกครั้งที่นอน หรือหาหมอนใบเล็ก ๆ มารองบริเวณกระเพาะอาหาร และบริเวณอุ้งเชิงกราน เพื่อป้องกันการเจ็บกระดูกสันหลัง เหมาะกับผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง หรือระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร
10 ท่านอนทายนิสัย ว่าคุณเป็นคนยังไง
ถึงแม้เราพอจะทราบกันแล้วว่า ท่านอนที่ถูกต้อง เป็นอย่างไร แต่ก็ไม่วายที่จะเลือกนอนท่าที่ตนเองถนัด ซึ่งรู้ไหมว่าลักษณะการนอนที่คุณชื่นชอบ หรือท่านอนที่คุณเผลอเป็นเองแบบไม่รู้ตัวเหล่านี้ สามารถบ่งบอกถึงนิสัยและตัวตนของคน ๆ นั้นได้ ดังนี้
ทายนิสัยจากการ นอนกางแขนกางขา
หากคุณหรือคนใกล้ตัวคุณชอบนอนกางแขนกางขา แบบไม่สนใจใคร บ่งบอกได้เลยว่าเขาต้องเป็นคนที่รักอิสระเสรี มีความเป็นตัวของตัวเอง รักความสะดวกสบาย ค่อนข้างจับจ่ายใช้สอย สุรุ่ยสุร่าย แต่ก็หาเงินเก่งพอ ๆ กัน
ทายนิสัยจากการ นอนเอามือก่ายหน้าผาก
คนที่นอนท่านี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นคนที่มีความคิดซ้ำซ้อน คิดมากย้ำคิดย้ำทำไม่ค่อยจบเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตสักเท่าไหร่ จิตใจอ่อนไหวไม่ค่อยหนักแน่นเอาซะเลย เพ้อฝันไปเรื่อย คิดอยากทำโน่นอยากทำนี่อยู่ตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ เพราะลืมหรือไม่ก็เปลี่ยนเรื่องคิดใหม่ ลองเปลี่ยนความคิดแล้วปล่อยวางให้จะทำให้คุณนอนหลับได้อย่างสบายใจขึ้น
ทายนิสัยจากการ นอนหงาย
คนส่วนใหญ่มักจะนอนด้วยท่านี้กัน โดยนิสัยจากคนที่นอนหงายบอกได้เลยว่าเป็นตัวของตัวเองและดื้อ แต่ดื้อในที่นี้หมายถึงการมีเหตุผลเป็นของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เป็นคนเปิดเผย รักความก้าวหน้า มีความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียบรรเจิด
ทายนิสัยจากการ นอนตะแคงซ้าย
การที่นอนตะแคงข้างซ้ายบางครั้ง เป็นข้างที่ไม่ถนัดของบางคนเลยมองไปถึงอารมณ์ได้ว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์แต่ขี้อาย ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ทำอะไรบางครั้งขาดความมั่นใจ ไม่ค่อยมีปากมีเสียง หรือเรื่องของการขัดแย้งกับใคร
ทายนิสัยจากการ นอนตะแคงขวา
เป็นอีกหนึ่งท่านอนที่คนส่วนใหญ่ถนัด บ่งบอกได้ถึงคนที่มีความฉลาดรอบรู้ มีความยุติธรรมเป็นเลิศชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ สามารถเข้ากับเขาได้หมดใครมาดีหรือมาไม่ดีจะยิ้มน้อมรับไว้ก่อนเสมอ มีความเป็นผู้นำสูง มีความคิดริเริ่มดี เป็นคนที่มีความอดทนต่อสถานการณ์ตรงหน้า
ทายนิสัยจากการ นอนคว่ำ
มักจะเป็นคนที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว ทำอะไรนึกถึงตัวเองก่อนคนอื่น ที่สำคัญบางครั้งอารมณ์มักจะฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด ขี้หงุดหงิด ไม่ค่อยเข้าสังคมกับใครนอกจากเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ทำอะไรมักไม่ค่อยชอบที่จะไปขอความช่วยเหลือจากใครถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ
ทายนิสัยจากการ นอนคลุมโปง
ภายนอกเขาคนนี้อาจจะดูมั่นใจในตัวเอง น่าเชื่อถือมาก แต่ลึกลงไปแล้วเขาขี้อาย จิตใจอ่อนแอ มีความลับอะไรบางอย่างที่มักแอบเก็บไว้ในใจ แล้วเอาไปกังวล วุ่นวายใจอยู่คนเดียว จึงชอบคลุมโปงเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าเขากำลังคิดอะไร หรือรู้สึกอะไรอยู่
ทายนิสัยจากการ นอนทับแขนตัวเอง
คนที่นอนลักษณะนี้อาจตื่นมาละแขนชาแทบทุกเช้า ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่บ่งบอกได้ถึงอุปนิสัยว่าเขาคนนั้นช่างสุภาพอ่อนโยน จริงใจ เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก แต่เขาจะเป็นคนที่ ขาดความมั่นใจในตนเอง และขาดความอบอุ่นในชีวิต คนนอนข้าง ๆ ก็อย่าลืมหันไปกอดเขาล่ะ
ทายนิสัยจากการ นอนละเมอ
แน่นอนว่าเป็นคนคิดมาก คิดจนเก็บไปฝันไปละเมอ ฝังจิตฝังใจกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแบบไม่ยอมลืม สังเกตดี ๆ จะเห็นว่าเขาขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง และจะคล้อยตามคนอื่นอยู่เสมอ
ทายนิสัยจากการ นอนเอามือไพล่ประสานกัน รองศรีษะ
เป็นคนฉลาด ปราดเปรื่อง ปัญญาเฉียบแหลม ชอบเรียนรู้ สิ่งใหม่ ๆ บางครั้งก็มีความคิด แปลกมาให้ประหลาดใจอยู่เสมอ เป็นคนน่ารักที่ให้ความสนใจคนรอบข้างอยู่เสมอ แต่ช่างเป็นคนที่เอาใจยากไปสักนิด
สรุป
การนอน และ ท่านอน มีส่วนสำคัญต่อสุขภาพมากในหลายด้าน ทางที่ดีหากคุณรู้สึกว่าตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายต่าง ๆ ให้ลองเปลี่ยนท่านอนดู และที่สำคัญการนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด จำเป็นอย่างมากที่จะต้องนอนให้ได้อย่างต่ำ 6-8 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งนอกจากการนอน และ ท่านอนที่ต้องคำนึงเป็นพิเศษแล้วนั้น ท่าลักษณะการนอนที่คุณชื่นชอบ หรือท่านอนที่คุณเผลอเป็นเองแบบไม่รู้ตัวเหล่านี้ สามารถบ่งบอกถึงนิสัยและตัวตนของคน ๆ นั้นได้อีกด้วย ฉะนั้นแล้วลองเอา 10 ท่านอนทายนิสัย ไปสังเกตตัวเองและคนรอบข้างดูว่าเขามีอุปนิสัยแบบที่ Ruay บอกไปหรือไม่
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว อะไรดีก็ทำต่อไป ส่วนอะไรที่ไม่ดีจะส่งผลเสียต่อตนเองและสุขภาพ ก็ลองค่อย ๆ ปรับปรุงแก้ไขกันไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
บทความแนะนำที่น่าสนใจ
