วัดหงษ์

ตำนานพระเจ้าใหญ่ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ วัดหงษ์ จังหวัดบุรีรัมย์

ลุงพล คนดัง ก็มา! วัดหงษ์ ที่สุดแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ก็ดูได้จาก ข่าวลุงพล ที่ทำเอาเจ้าอาวาสวัดหง์ถึงกับบ่น เพราะคิดว่า ลุงพล จะกล้ามาสาบานความบริสุทธิ์กับวัดหงษ์แห่งนี้ เพราะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงดังในเรื่องคำสาบาน แต่กลายเป็นว่า แค่มา ‘ขอพร’ ซ่ะงั้น เจ้าอาวาสก็เตรียมพิธีสาบานอย่างเสียเปล่า ชาวบ้านก็มาเชียร์อย่างเสียเวลา ทำไมลุงพลทำแบบนี้น้อ

แอดมินเผลอบ่นเรื่องลุงพลไปเยอะเลย เพราะช่วงนี้ลุงมีประเด็นบ่อยเกิ๊น มาพูดถึงเรื่องของ วัดหงษ์ กันดีกว่า เพราะเหตุใด วัดแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงในเรื่องการสาบานตน ศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้นเชียวหรือ ไหนจะยังมีตำนานพระเจ้าใหญ่ ประจำวัดอีก งานนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เดี๋ยว Ruay365 จะพาทุกท่านไปพิสูจน์กัน

พระเจ้าใหญ่วัดหงษ์

ประวัติวัดหงษ์

วัดหงส์ มีอีกชื่อเรียกหนึ่ง คือ วัดศีรษะแรด ตั้งอยู่ที่อำเภอพุทไธสง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ที่สำคัญของชาวบุรีรัมย์อย่าง ‘พระเจ้าใหญ่’ พระพุทธรูปปางมารวิชัย พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองพุทไธสง ถูกค้นพบใน พ.ศ.1792 โดยท้าวศรีปาก (นา) และ ไพร่พล ซึ่งตามแรดใหญ่มา จึงได้มีการตั้งรกรากในบริเวณนั้น แต่ก็ได้เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา

ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2200 พรานป่า 2 คน ได้ตามหงส์เข้ามาในป่า และ ได้พบกับ พระเจ้าใหญ่ ซากเจดีย์ นอแรด  และ กระดูกแรด จึงชวนผู้คนมาตั้งรกราก แล้วตั้งชื่อว่า บ้านศีรษะแรด และ สร้างวัดชื่อ วัดหงษ์ หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2513 ได้มีการขุดค้นพบพระปรางค์สูง 70 เซนติเมตร ในบริเวณวิหารพระเจ้าใหญ่อีกด้วย ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 จะมีการจัด งานนมัสการพระเจ้าใหญ่ เป็นประจำทุกปี

ประตูวัดหงษ์

ตำนานพระเจ้าใหญ่ วัดหงษ์ จังหวัดบุรีรัมย์

พระเจ้าใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย มีขนาด หน้าตักกว้าง 133 เซนติเมตร สูง 222 เซนติเมตร มีพุทธลักษณะ และ ศิลปะการสร้าง ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์องค์เดียวในประไทย นั่นก็คือ สร้างด้วยเนื้อผง หรือ ว่าน นับเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นยุคโบราณโดยแท้ ช่วยให้มีความแข็งแกร่งทนทาน และ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์เดียว ที่สามารถปิดทององค์จริงได้ คาดว่า น่าจะสร้างในพุทธศตวรรษที่ 8 หรือ พ.ศ.700-800 ช่างที่สร้างอาจเป็นช่างสกุลลาว ศิลปะล้านช้าง ดูจาก พระเกศ ที่มีลักษณะเฉพาะในภาคอีสานและในประเทศลาวเท่านั้น

ตำนานได้กล่าวไว้ว่า ท้าวศรีปาก (นา) ท้าวทาทอง (ยศ) และ ท้าวเหล็กสะท้อนไกรสรเสนา คนไทยเชื้อสายลาวและบริวาร อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดมหาสารคาม มีนิสัยชอบ เที่ยวป่า ล่าสัตว์ ครั้งหนึ่ง ได้ยิงนกขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง บริเวณสระบัว นกตัวนั้น บินมาตกตรงป่าทางทิศตะวันออก จึงได้ออกตามหากัน จนได้พบกับพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่ง

พระเจ้าใหญ่

หลังจากพบกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ก็ต่างพากันดีใจอย่างมาก เพราะไม่เคยเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขนาดนี้ และได้ทำการสำรวจบริเวณรอบองค์พระ พบเข้ากับ เจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม รอบองค์พระมีต้นตาล ทั้ง 4 ทิศ มีเถาวัลย์ปกคลุมอยู่ ด้านทิศตะวันออกพบหนองน้ำขนาดใหญ่ แต่ไม่เห็นมีใครอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น

หลังจากกลับไปที่หมู่บ้าน จึงได้ชักชวนให้ญาติพี่น้องไปตั้งรกรากที่บริเวณนั้น และช่วยกันสร้างวัด ตั้งชื่อว่า “วัดหงษ์” ตามลักษณะของนกที่ถูกยิงตกในครั้งก่อน องค์พระมีอักษรขอมจารึกบนดินเผา อ่านได้เฉพาะคำหน้าว่า “พระเจ้าใหญ่…” จึงเรียกว่าพระองค์นี้ว่า “พระเจ้าใหญ่” สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างมาพร้อมกับเมืองพุทไธสง ในปี พ.ศ.2200 อายุประมาณ 300 ปีเศษ เมื่อถึงวันเพ็ญเดือนสาม (กุมภาพันธ์ – มีนาคม) ชาวบ้านจะจัดงานเทศกาล เพื่อเฉลิมฉลองกันถึง 5 วัน 5 คืน เป็นประจำทุกปี แด่พระเจ้าใหญ่

รูปพระเจ้าใหญ่

วัดหงษ์ วัดดังในเรื่องของคำสาบาน

ชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระเจ้าใหญ่ มีความเลื่องลือมาก ทำเอา Ruay 365 ต้องพาทุกท่านมาดูความศักดิ์สิทธิ์ของจริงกันเลย มีประชาชนหลายคน แห่กันไปไหว้ขอพรเป็นจำนวนมาก เชื่อว่า หากใครต้องการอะไร เพียงแค่ไปไหว้ท่าน ก็จะได้พรนั้นสมดังใจปรารถนา เพียงแต่ทุกคนจะต้องศรัทธาในพระพุทธศาสนาก่อน ถ้าไปเพราะอยากลองดี ลองของ หรือ มีความโลภมาก ก็ไม่มีใครสมหวังสักราบ เผลอๆ จะพบเจอกับความวิบัติติดตัวมาด้วย

รูปปั้นแรด

การสาบานเลิกสิ่งเสพติด ของมึนเมา ผู้ใดปฏิบัติได้ ชีวิตจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ถ้าผิดคำสาบาน จะมีอันเป็นไปต่างๆ นานา การสาบาน เมื่อตกลงกันไม่ได้ หรือ การหาผู้ทำผิดไม่ได้ ซึ่งเมื่อผู้ใดทำผิด ก็จะมีอันเป็นไปต่างๆ นานาทุกราย การบนบาน เพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิตและการงาน รวมทั้งการอธิษฐานขอให้สิ่งที่ปรารถนา เช่น การขอมีบุตร การขอให้โชคดี เป็นต้น

เมื่อผู้ที่มาบนบานศาลกล่าว ได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาแล้ว ก็ต้องนำสิ่งของมาถวาย เป็นการแก้บนหลวงพ่อ ตามที่สัญญาไว้ ส่วนใหญ่ มักจะเป็นหนังกลางแปลง และ การปิดทองเปลว เป็นต้น นอกจาก พระเจ้าใหญ่แล้ว ที่วัดนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกอย่าง นั่นก็คือ พระพุทธรูปที่แกะมาจากนอแรด ที่นี่จึงได้ชื่อว่า บ้านหัวแรด

พระพุทธรูปวัดหงษ์

การเดินทางไปวัดหงษ์

1.เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว

จากตัวเมืองบุรีรัมย์ ไปวัดหงษ์ ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ ประมาณ 64 กิโลเมตร ให้มุ่งหน้าตรงไปถนนรอบเมืองบุรีรัมย์ เส้นบุรีรัมย์ – พุทไธสง (ทางหลวงแผ่นดินหมายแลข 2226) พอถึงอำเภอพุทไธสง ให้ขับรถตรงไปถนนบ้านเตย – พุทไธสง (ถนนเลี่ยงเมืองพุทไธสง) อีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะพบวัดหงษ์ อยู่ขวามืออยู่ติดถนน ป้ายร้านชัดเจน

2.เดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง

สามารถนั่งรถสองแถว สายบุรีรัมย์ – พุทไธสง จากสถานีขนส่งบุรีรัมย์ เที่ยวแรก รถจะออกตั้งแต่เวลา 05.00 น. และ ออกทุกชั่วโมง เที่ยวสุดท้ายรถออกเวลา 19.00 น. ราคาประมาณ 35 บาท (เปลี่ยนแปลงได้)

หน้าวัดหงษ์

ข้อมูลทั่วไปของวัดหงษ์

  • ที่อยู่ : ตำบลมะเฟือง อำเภอพุทไธสง บุรีรัมย์ 31120
  • เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.30 น.
เจ้าแม่กวนอิมวัดหงษ์
เดินทางไปต่างจังหวัดยังไงให้ปลอดภัย?

ใครที่ต้องการเดินทางไปวัดหงษ์ สามารถขับรถไปเองได้ แต่เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนคงประสบกับปัญหาขับรถไกลแล้วกลัวอย่างแน่นอน สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือการท่อง คาถาเดินทางปลอดภัย ซึ่งมีด้วยกันหลายคาถาที่ท่องได้

คาถาเดินทางปลอดภัยท่องยังไง?

สำหรับคาถาที่แนะนำก็คือ คาถาหลวงปู่ทวด โดยสามารถท่องได้ดังนี้ “(ตั้งนะโม 3 จบ) มะติ ยาเต มะเต ยาติ มาเต ถินา นะนา ถิเต มะนา เนสา มะสา เนนา มะสา จะติ มะติ จะสา มะติยาโน มะโนยาติ มะโนติตัง มะตังติโน มะตังปาลัง มะลังปาตัง มะลังจะติ มะติจะลัง” สามารถท่องกี่รอบก็ได้ตามแต่ศรัทธา ทำให้เดินทางปลอดภัยพระคุ้มครอง

บูชาอะไรเดินทางปลอดภัย?

เครื่องรางเสริมดวงขับขี่ปลอดภัย ที่นิยมนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง เช่น “ผ้ายันกันภัย” เป็นผ่ายันต์ที่นิยมพกไว้ในรถ มียันต์ที่ศักดิ์สิทธิ์สลักอยู่ ช่วยทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอุบัติเหตุ นอกจากนั้นยังป้องกันภูตผีได้อีกด้วย

สรุป

ถ้าถามว่า วัดหงษ์ เด็ดแค่ไหน ก็ดูได้จากข่าวของลุงพลเลย เป็นวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการสาบานจริงๆ ใครบริสุทธิ์ใจ ก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองเข้ามา แต่ใครที่ไม่บริสุทธิ์ใจ ชีวิตจะเจอแต่สิ่งที่ไม่ดีเข้ามา เป็นวัดที่เหมาะสำหรับการพิสูจน์ความจริงเป็นที่สุด แล้วทุกท่านก็ต้องอย่าลืม เข้าไปไหว้ พระเจ้าใหญ่ กันด้วย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์ใหญ่ของที่นี่เขาเลย ถ้ามาแล้วไม่ได้ไปไหว้ ถือว่าพลาดมาก

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก wongnai

บทความแนะนำ

Facebook
Twitter
Email