อยากไปเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ แต่ไม่อยากเที่ยวในห้างสรรพสินค้าหรือเดินช้อปปิ้งแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยววัด ชมตลาด เดินเล่นชุมชนย่านเก่าๆ ดูก็ได้ วันนี้เราขอแนะนำ ย่านนางเลิ้ง หรือ อีเลิ้ง เลยค่ะ ชุมชนเก่าแก่ที่อยู่มายาวนาน กว่า 100 ปี อีกทั้งยังเคยเป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองเป็นอย่างมากในอดีตอีกด้วย
ย่านนางเลิ้ง หรือ อีเลิ้ง เป็นชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งของพระนคร มีอายุยาวถึง 100 ปี แต่เดิมมีชื่อเดิมว่า ย่านสนามกระบือ หรือ สนามควาย มีการสันนิษฐานกันว่า ย่านนางเลิ้งเกิดขึ้นหลังจากการพัฒนาขยายอาณาเขตพระนครให้กว้างขวางขึ้น จากการขุดคลองผดุงกรุงเกษมในสมัยรัชการที่ 4
คำว่า “นางเลิ้ง” เป็นภาษาลาว มาจากภาชนะที่เป็นเครื่องปั้นดินเผาที่ยังไม่ได้ผ่านการเคลือบ ไม่ว่าจะเป็นโอ่ง อ่าง ถ้วย ชาม ฯลฯ และเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมี “อีเลิ้ง” ขายเป็นจำนวนมากนั่นเอง ทำให้ย่านนางเลิ้งกลายเป็นย่านการค้าสำคัญทางเศรษฐกิจ และเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่น่าสนใจมากมาย อีกทั้งยังมีวัดดังอย่าง วัดสุนทรธรรม หรือ วัดแคนางเลิ้ง ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนด้วย จะน่าสนใจแค่ไหน ต้องไปดูกันค่ะ
สารบัญ
Toggleประวัติ วัดสุนทรธรรม (วัดแคนางเลิ้ง)
วัดสุนทรธรรม หรือ วัดแคนางเลิ้ง ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่า “วัดแค่” ตามสำเนียงของคนภาคใต้ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณนั้น จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า เคยเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดสนามกระบือ” ตามตำบลเดิมของวัดที่ตั้งอยู่ ณ ตำบล สนามควาย ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชทานนามเป็น “วัดสุนทรธรรมทาน” แต่ชาวบ้านยังคงเรียกกันติดปากว่า วัดแคนางเลิ้ง จนถึงปัจจุบัน
วัดสุนทรธรรมทาน มีประวัติความเป็นมามาตั้งแต่สมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดยได้มีการกล่าวถึง พระยาแสนยากร ข้าราชการในกรมพระราชวังหน้า ซึ่งได้เดินทางสัญจรทางน้ำไปทางตำบลคอแหลม แล้วบังเอิญสังเกตเห็นร่องน้ำขนาดใหญ่ผิดปกติ จึงให้ผู้ติดตามลงไปสำรวจ พบว่าเป็น พระพุทธปฏิมาไม่เปียกน้ำ เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก อีกทั้งรูปทรงพระพุทธรูปองค์นี้ก็ค่อนข้างแปลกประหลาด ตรงที่องค์พระพุทธรูปมีท่อนบน เพียงราวนม และท่อนล่างถึงโคนขา
ด้วยแรงศรัทธาเจ้าพระยาแสนยากรจึงนำกลับมาบูชาไว้ที่บ้าน ณ ตำบลสนามควาย เมื่อชาวบ้านได้เห็นก็ตื่นตระหนกตกใจ เพราะไม่เคยเห็นพระพุทธรูปที่มีรูปร่างแปลกประหลาดเช่นนี้ จึงแห่กันมากราบไหว้นมัสการด้วยความเลื่อมใสความ ปรากฏในภายหลังว่าเจ้าพระยาแสนยากรได้อุทิศที่ดินและบ้านของตนให้เป็นวัด ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้สืบไป
ไฮไลท์สำคัญประจำ วัดสุนทรธรรม (วัดแคนางเลิ้ง)
พระอุโบสถ
พระอุโบสถหลังใหม่ก่อสร้างแทนหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม ภายในประดิษฐาน “พระพุทธสุนทรมุนี” องค์พระประธานหน้าตักกว้าง 4 ศอก มีซุ้มเรือนแก้วประดับแบบพระพุทธชินราชลงรักปิดทองประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อน ภายนอกเป็นชานกำแพงแก้วประดับมุกด้านหน้าและด้านหลังโดยรอบของพระอุโบสถ
วิหารคด
ภายในวิหารคดตกแต่งด้วยดวงดาวปิดทองล่องชาด บริเวณผนังปรากฏภาพปูนปั้นวิถีชีวิตมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนถึงขั้นนิพพาน หน้าบันทั้ง 3 ด้าน ประดับภาพปูนปั้นลายไทยปิดทองล่องชาดแสดงภาพพุทธประวัติพระพุทธเจ้าขณะประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน
วิหารหลวงพ่อบารมี
“หลวงพ่อบารมี” เป็นพระพุทธรูปคู่บุญบารมีกับวัดสุนทรธรรมทานมากว่า 50 ปี มีประวัติว่าสมัยก่อนพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ใกล้กับพระอุโบสถ ครั้งหนึ่งเกิดพายุพัดเอาต้นโพธิ์โค่นล้มลงมา แต่มิได้ทับองค์พระเป็นที่น่าอัศจรรย์ ชาวบ้านจึงพากันมากราบไหว้บูชาจนเป็นที่เลื่อมใสแก่พุทธศาสนิกชนตลอดมา กระทั่งปีพ.ศ.2511 จึงได้ทำการอัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อบารมีไปประดิษฐานยังวิหารอย่างถาวร
องค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และองค์เทพเจ้าจีน
ถัดจากวิหารหลวงพ่อบารมี มีองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และองค์เทพเจ้าจีนให้สักการะขอพร
อนุสรณ์พระราชธรรมวิจารณ์ (ธูปเขมะศิริ)
พระราชธรรมวิจารณ์ หรือ หลวงปู่ธูป เขมะศิริ อดีตเจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทาน เป็นคนอยุธยาโดยกำเนิด เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2463 และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทานตั้งแต่ พ.ศ.2470 ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสท่านเป็นผู้บุกเบิกพัฒนาวัดสุนทรธรรมทานมาตลอดจนสิ้นอายุขัยในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2533 สิริอายุรวม 92 ปี 3 เดือน 28 วัน โดยได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลากหลายรุ่น แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะโดดเด่นในเรื่องของขลังประเภท อยู่ยงคงกระพัน และ เมตตามหานิยม
รูปหล่อพระเอกหนังไทยยอดนิยมตลอดกาล “มิตร ชัยบัญชา”
ด้านข้างวิหารหลวงพ่อบารมี มีรูปหล่อ มิตร ชัยบัญชา (พันจ่าอากาศโท พิเชษฐ์ ชัยบัญชา/พุ่มเหม) พระเอกตลอดกาลของวงการหนังไทย และวัดแห่งนี้ยังเป็นที่บรรจุอัฐิ ของ มิตร ชัยบัญชา ซึ่งตั้งอยู่ ณ ช่องบรรจุอัฐิ ภายในบริเวณด้านหลังพระอุโบสถ
ครั้งหนึ่งวัดสุนทรธรรมทานเคยเป็นสถานที่สวดอภิธรรมศพ พ.อ.ท.พิเชษฐ์ พุ่มเหม หรือ มิตร ชัยบัญชา พระเอกอันดับหนึ่งของเมืองไทย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกเฮลิคอปเตอร์ตกขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง อินทรีย์ทอง ปัจจุบันตั้งอนุสรณ์อยู่บริเวณวิหารหลวงพ่อบารมีเพื่อประชาชนระลึกถึงการจากไปของพระเอกหนังไทยตลอดกาลคนนี้
“หลวงปู่ธูป” เกจิชื่อดัง ย่านนางเลิ้ง
หากกล่าวถึง หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง หรือ พระราชธรรมวิจารณ์ ท่านเป็นพระยุคเก่าที่มีความสมถะ ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย เป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิตและบุคคลโดยทั่วไป มีความโดดเด่นในเรื่องของพระเครื่องขลัง เน้นในเรื่องของ “อยู่ยงคงกระพัน” และ “เมตตามหานิยม”
พระราชธรรมวิจารณ์ (ธูป เขมะศิริ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทานเดิมชื่อ ธูป เกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2441 เป็นชาวพระนครศรีอยุธยาโดยกำเนิด เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2463 ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทานตั้งแต่ พ.ศ.2470 ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสท่านเป็นผู้บุกเบิกพัฒนาวัดสุนทรธรรมทานมาตลอดจนสิ้นอายุขัยในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2533 สิริอายุรวม 92 ปี 3 เดือน 28 วัน
ของขลังดังจากหลวงปู่ธูป เด่นดังเรื่อง “คงกระพัน” และ “เมตตามหานิยม”
นอกจากนี้ ท่านยังดังในเรื่องของการจัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลอีกด้วย โดยวัตถุมงคลวงปู่ธูปทุกชนิดมีพุทธคุณในด้าน “เมตตามหานิยมและความรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน” เป็นหลัก เรื่องคุ้มครองแคล้วคลาดก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน สามารถแบ่งออกเป็นสามยุคสมัยได้ดังนี้
1.ยุคต้นคือช่วงสมัยสงครามอินโดนจีน จะเป็นผ้ายันต์ ผ้าประเจียด และตะกรุดเป็นส่วนใหญ่ ด้านพระเครื่อง จะสร้างไว้น้อย โดยมากจะเป็นพระผงแล้วนำไปชุบรักไว้อีกที
2.ยุคกลางคือช่วงปีพ.ศ.2504 หลวงปู่จะสร้างพระผงน้ำมันเสียส่วนใหญ่
3.ยุคท้ายคือช่วงตั้งแต่ พ.ศ.2514-2517 ท่านจะสร้างเป็นพระผง ด้านหลังมีฝังแร่ หรือจีวร หรือไม่มีฝังเลยก็ได้
แต่เอกลักษณ์พระเครื่องของท่าน จะมีปั๊มยันต์ใบพัด ที่ไม่ปั๊มก็มี แต่เป็นส่วนน้อย ส่วนที่ปั๊มเป็นยันต์ตัวอื่นก็มีแต่หายากมากหน่อย เครื่องรางที่ขึ้นชื่อของท่านก็คือ “ลูกอม” เป็นเนื้อผง มีสองแบบคือขนาดเล็กไว้พกติดตัว และขนาดใหญ่หน่อยเรียกว่า ลูกอมศรีสวาท ด้านในจะใส่กริ่งเอาไว้ จะมีเสียงเมื่อเขย่า เอาไว้แขวนหน้าร้านหรือใส่ไว้ในลิ้นชักเก็บเงิน เด่นทางด้านเมตตาค้าขาย เครื่องรางอีกอย่างคือ “ผ้ายันต์สาลิกาน้ำจันทร์” เป็นผ้ายันต์ปั๊มหมึก เด่นครบวงจรทั้งเมตตามหานิยมและอยู่ยงคงกระพัน
ที่ตั้ง : 216 ถนนพะเนียง แขวงโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทรศัพท์ : 0-2628-1539
การเดินทาง : รถโดยสารประจำทางสาย 60, ปอ.60
วันเวลาเปิดปิด : ทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้า
แผนที่ : https://goo.gl/maps/qv9avoR7CvYEZJAp6
สรุป
วัดสุนทรธรรมทาน หรือ วัดแคนางเลิ้ง วัดดังประจำย่านนางเลิ้ง หรือฝั่งธนฯ ของพระนคร แต่เดิมมีชื่อว่า วัดสนามกระบือ โดยมีมาตั้งแต่สมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เกิดจากการค้นพบ พระพุทธปฏิมาไม่เปียกน้ำ ของพระยาแสนยากร
พระพุทธรูปมีรูปร่างค่อนข้างแปลกประหลาด องค์พระพุทธรูปมีท่อนบน เพียงราวนม และท่อนล่างถึงโคนขา ด้วยความแปลกประหลาดนี้จึงทำให้มีชาวบ้านแห่เข้ามากราบไหว้เป็นจำนวนมาก และพระยาแสนยากรยังทำการทำนุบำรุงมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งสร้างเป็น วัดแคนางเลิ้ง ที่เราได้เห็นในปัจจุบัน
ไม่เพียงเท่านั้น แต่วัดแห่งนี้ยังมีเกจิชื่อดังอย่าง หลวงปู่ธูป หรือ พระราชธรรมวิจารณ์ อยู่ โดยท่านเป็นผู้ที่อยู่ในศีลธรรม รักในความสงบสุข มักชอบทำเครื่องรางของขลังประเภทพระเครื่องอยู่บ่อยครั้ง โดยเครื่องรางของขลังของท่านทุกอ่านจะเน้นในเรื่อง เมตตามหานิยมและความรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน เป็นหลัก ใครที่ชอบพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง ควรมีไว้เก็บสะสม
ก่อนจากกันไป สำหรับใครที่อยากอ่านบทความดีๆ แบบนี้ ทั้งเรื่องความเชื่อ แรงศรัทธา ทำนายฝัน ดูดวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สูตรหวย สถิติหวย เลขเด็ด เราได้ทำการรวบรวม เรื่องดี เรื่องดัง เรื่องน่าสนใจ มาให้ทุกท่านไว้แล้วที่นี่ที่เดียว ไม่ต้องเสียเวลาหาเยอะแยะมากมาย มาพบกับพวกเราได้ในทุกวันที่ Ruay365.com ค่ะ